เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา Tiffany & Co. ได้เปิดตัวนิทรรศการ ‘Tiffany Wonder’ อย่างยิ่งใหญ่ ณ Tokyo Node Gallery บนชั้น 45 ของ Toranomon Hill Station Tower หนึ่งในอาคารสูงดีไซน์โมเดิร์นที่โดดเด่นที่สุดในกรุงโตเกียว ผลงานออกแบบโดยบริษัทสถาปนิก OMA ซึ่งเป็นทั้งบริษัทที่มีบทบาทในการปรับโฉมบูติคสำคัญของ Tiffany & Co. บนถนน Fifth Avenue ในนิวยอร์ก และเป็นผู้ออกแบบพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการ ‘Tiffany Wonder’ ในครั้งนี้ โดยเริ่มจากพื้นที่รับรองที่โดดเด่นสะดุดตาด้วยนกขนาดใหญ่ยักษ์ที่ถอดแบบมาจากเข็มกลัด ‘Bird on a Rock’ ได้อย่างน่ารักมีชีวิตชีวา คอยทำหน้าที่ต้อนรับแขกอยู่บนกล่องของขวัญ ‘Blue Box’
ไปต่อที่พื้นที่จัดแสดงงานซี่งแบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 ห้อง รวบรวมชิ้นงานสุดพิเศษไว้กว่า 500 ชิ้น โดยแบ่งตามชนิด หมวดหมู่ แรงบันดาลใจ บนเส้นเรื่องที่พาเราเดินทางไปตามช่วงเวลาในประวัคิศาสตร์ของแบรนด์ได้อย่างเพลิดเพลินและน่าตื่นตาตื่นใจ เริ่มจากจุดเริ่มต้นในปี 1837 ร้อยเรียงเรื่องราวผ่านทั้ง ‘Blue Book’ แคตตาล็อกสำหรับสั่งซื้อสินค้าทางไปรษณีย์เล่มแรก ‘Blue Box’ กล่องใส่เครื่องประดับกล่องแรกที่กลายมาเป็นกล่องของขวัญที่ผู้คนต่างจดจำและปรารถนาที่สุด แหวนหมั้นประดับเพชรชู ‘Tiffany Setting’ ที่เป็นแบบอย่างให้กับดีไซน์ของแหวนหมั้นทั่วโลกในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีห้องที่รวบรวมเข็มกลัด ‘Bird on a Rock’ หลากหลายเวอร์ชั่นที่ประดับประดาไปด้วยอัญมณีหลากสีสันหลายชนิดที่ล้วนงดงามระยิบระยับ ผลงานการออกแบบโดย Jean Schlumberger หนึ่งในนักออกแบบเครื่องประดับคนสำคัญที่สุดในยุคศตวรรษที่ 20 ซึ่งเข้ามามีบทบาทในการสร้างสรรค์แต่งแต้มโลกแห่งจิตนาการที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจให้กับ Tiffany & Co. ตั้งแต่ปี 1956 โดยนิทรรศการนี้ยังได้รวบรวมเครื่องประดับและของตกแต่งชิ้นพิเศษเกือบ 300 ชิ้นที่ไม่เคยถูกจัดแสดงที่ไหนมาก่อน อย่างเข็มกลัดดอกกล้วยไม้ลงยาประดับพลอยสีที่ออกแบบโดย George Paulding Farnham
นอกจากนี้ก็มีห้องที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนานและแน่นแฟ้นระหว่าง Tiffany & Co. และประเทศญี่ปุ่น ทั้งในแง่ของการเปิดตลาดขยายฐานทางธุรกิจ และในแง่ของการออกแบบสร้างสรรค์ซึ่งได้แรงบันดาลใจมากจากศิลปะวัฒนธรรมและงานหัตถกรรมของญี่ปุ่น อย่างเช่นผลงานออกแบบของ Elsa Peretti ที่มีการใช้เทคนิคการเคลือบแล็คเกอร์ ที่สะท้อนหลักปรัชญาและสุทรียศาสตร์อย่างวาบิ-ซาบิ ที่ยอมรับและยกย่องความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบ และห้องถัดไปกับโลกของการตกแต่ง window display ที่น่าหลงใหลงดงามชวนฝัน เดินต่อสู่ห้องที่จัดแสดงผลงานดีไซน์ร่วมสมัยที่ปรากฏอยู่ทั้งในวงการกีฬา หนังภาพยนต์ และดนตรี อย่างหวีขนาดเล็กสำหรับหนวด ผลิตแบบคัสตอมเมด ตัวเรือนเป็นเงินสเตอลิงของ Freddie Mercury และแว่นตาประดับอัญมณีผลิตแบบคัสตอมเมดของ Pharell William อีกห้องสุดตระการตาคือห้องที่รวบรวมเหล่าเครื่องประดับเพชรล้ำค่าเพื่อตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในฐานะ ‘The Diamond King’
มาถึงห้องสุดท้ายที่มีตู้จัดแสดงเพียงตู้เดียววางอยู่กลางห้องกับไฮไลต์ของงานคือเพชรสีเหลืองในตำนาน ‘The Tiffany Diamond’ น้ำหนัก 128.54 กะรัต ที่เคยประดับอยู่บนทั้งสร้อยคอริบบิ้นที่ Audrey Hepburn ใส่ถ่ายภาพสำหรับโปรโมตภาพยนต์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s ในปี 1961 บนเข็มกลัด ‘Bird on a Rock’ ที่จัดแสดงที่ Paris’ Musée des Arts Décoratifs ในปี 1995 และบนสร้อยคอเพชรที่ Lady Gaga ใส่รับรางวัล Academy Award ในปี 2019 มาจนถึงปี 2022 กับจี้เข็มกลัดที่ประดับรายล้อมด้วยนก 5 ตัว ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเข็มกลัด ‘Bird on a Rock’ ซึ่งใช้เวลาในการผลิตนานถึง 2,000 ชั่วโมง และถูกนำไปจัดแสดงที่ Fifth Avenue ในปี 2023 และในปี 2024 ที่นกทั้ง 5 ตัวได้โบยบินนำพาเพชร ‘The Tiffany Diamond’ อันประเมินค่าไม่ได้มาที่นิทรรศการ ‘Tiffany Wonder’ โดยจะคงจัดแสดงให้ได้ชมกันถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2024 นี้เท่านั้น