Monday, December 9, 2024
More

    เดินทางไปในโลกแห่งเรือนเวลาระดับตำนานของ Rolex

    on

    - Advertisement -

    เดินทางไปในโลกแห่งเรือนเวลาระดับตำนาน ด้วยดีไซน์อันสง่างามเหนือกาลเวลา และงานฝีมืออันละเอียดอ่อนงดงามเหนือระดับ เริ่มต้นด้วย Rolex รุ่น ‘Oyster Perpetual Day-Date 40’ และ ‘Oyster Perpetual Day-Date 36’ ที่แสดงถึงความละเอียดอ่อนประณีต และความหลากหลายที่กลมกลืนซึ่งถ่ายทอดผ่านหน้าปัดของนาฬิกา พบกับนาฬิการุ่น ‘Day-Date 40’ กับครั้งแรกของหน้าปัดสีออมเบร โดยเวอร์ชั่นแรกตัวเรือนเป็นเอเวอโรสโกลด์ 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสีเทาอมน้ำเงินออมเบร เผยให้เห็นการไล่เฉดสีอันน่าหลงใหลจากสีสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีดำมืดตรงขอบ

    นอกจากนี้ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้เลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมและเครื่องหมาบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมที่รังสรรค์จากพิงค์โกลด์ 18 กะรัต ส่วนอีกหนึ่งเวอร์ชันใหม่ของ ‘Day-Date 40’ นั้นตัวเรือนเป็นไวท์โกลด์ 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของนาฬิการุ่นนี้ที่มีการใช้วัสดุจากธรรมชาติ โดยนำมาใช้เพียงส่วนที่เก่าแก่และทรงคุณค่าที่สุดของเปลือกหอยนางรมซึ่งมีพื้้นผิวที่มีความหนาและระดับที่แตกต่างกัน ชวนให้นึกถึงเกลียวเมฆที่เรียงซ้อนกันสวยงามมีมิติ เปลือกหอยมุกสำหรับหน้าปัดนั้นได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้พื้นผิวที่มีลวดลายสวยงามกลมกลืน และแวววาวทอประกายรุ่ง และยังได้รับการจัดวางในลักษณะที่ทำให้แสงตกกระทบทอประกายงดงามที่สุด นอกจากนี้ยังประดับเพชรเจียระไนแบบบาแก็ตต์คัตจำนวน 10 เม็ด ที่เครื่องหมายบอกชั่วโมงซึ่งช่วยขับเน้นให้เปลือกหอยมุกดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

    ในส่วนของ ‘Day-Date 36’ นั้้น มาพร้อมหน้าปัดที่มีตัวเลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมและเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยม ซึ่งก่อนหน้านี้้มีเฉพาะในรุ่น ‘Day-Date 40’ เท่านั้น โดยเวอร์ชันใหม่ของ ‘Day-Date 36’ ตัวเรือนเป็นเยลโลวโกลด์ 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดเคลือบเงาสีขาวโดดเด่นด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงที่มีเอกลักษณ์ในรูปทรงเรขาคณิตอันสมบูรณ์แบบ รวมถึงพื้นผิวที่เรียบเนียนและเงางามสม่ำเสมอ

    โดยองค์ประกอบแต่ละอย่างได้รับการรังสรรค์ขึ้้นโดยห้องปฏิบัติการเฉพาะภายใต้การกำกับดูแลของผู้เชี่ยวชาญไม่น้อยกว่า 7 ขั้นตอนก่อนที่จะนำไปใช้กับหน้าปัดนาฬิกานับเป็นครั้งแรกที่ ‘Day-Date 36’ รุ่น เอเวอโรสโกลด์ 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสีฟ้า-เขียว ประดับด้วยเพชรทรงบาแก็ตต์จำนวน 10 เม็ด สีเข้มลุ่มลึกของหน้าปัดงดงามเจิดจรัสยิ่งขึ้นเมื่อเคียงคู่กับขอบตัวเรือนประดับเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 60 เม็ด โดยการสร้างสรรค์ขอบตัวเรือนในลักษณะนี้ต้องอาศัยทั้งเวลาและความอดทนของช่างอัญมณีที่ทำหน้าที่ประดับอัญมณีแต่ละชิ้นด้วยมือตนเอง และจนถึงขณะนี้มีเพียง ‘Day-Date 36’ ที่รังสรรค์จากแพลทินัม 950 และ ‘Day-Date 40’ ที่รังสรรค์จากทองคำ 18 กะรัตหรือแพลทินัม 950 เท่านั้นที่มาพร้อมขอบตัวเรือนซึ่งประดับด้วยเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู นาฬิการุ่น ‘Day-Date 40’ และ ‘Day-Date 36’ มาพร้อมกับกลไกคาลิเบอร์ 3255 อันเป็นกลไกการทำงานชั้นยอดของเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาที่ทำใหนาฬิการุ่นนี้สามารถแสดงวันและวันที่รวมไปถึงชั่วโมง นาที และวินาท

    สำหรับการสร้างสรรค์หน้าปัดนาฬิกาของ Rolex ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะที่มีความพิถีพิถันและละเอียดอ่อน เป็นการผสมผสานระหว่างงานฝีมือแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีล้ำสมัย เริ่มต้นจากแผ่นโลหะที่เรียบง่ายสู่การตกแต่งประดับประดาอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว หน้าที่หลักของหน้าปัดนาฬิกาคือการบอกเวลาแต่ยังมาพร้อมอีกบทบาทสำคัญคือการบอกเล่าเรื่องราวผ่านความงดงามในฐานะที่เป็นจุดรวมสายตาของสุดยอดเรือนเวลา ด้วยการออกแบบและการผลิตหน้าปัดแบบ in-house ภายในศูนย์ปฏิบัตการณ์เฉพาะด้านของ Rolex ที่เขต Chêne-Bourg ในกรุงเจนีวา โดยทีมงานกว่า 500 คน ผู้ล้วนมีความเชี่ยวชาญในศิลปะแห่งการผลิตหน้าปัด ชิ้นงานหน้าปัดอันสมบูรณ์แบบนั้นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและตรวจสอบที่เข้มงวดในทุกขั้นตอน จากการตัดโลหะในขั้นตอนแรกจนถึงการตรวจสอบคุณภาพในขั้นตอนสุดท้าย โดยต้องคำนึงถึงทั้งการจัดวาง รูปทรง สีสัน และลวดลายให้มีความสมดุลและสวยงามที่สุด นอกจากนี้หน้าปัดนาฬิกายังต้องทนต่อแรงกระแทกจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงจำเป็นต้องมีการทำการทดสอบความทนทานตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้มั่นใจว่าหน้าปัดสามารถรองรับการใช้งานในทุกสถานการณ์ และหน้าปัดทุกชิ้นยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความทุ่มเทของ Rolex ในการสร้างสรรค์ผลงานที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

    มาต่อด้วย Rolex รุ่น ‘Oyster Perpetual Cosmograph Daytona’ รูปโฉมใหม่สองรุ่นที่มาพร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกธรรมชาติสีขาวและสีดำ ขอบตัวเรือนประดับเพชรเหลี่ยมเกสร 36 เม็ด นำเสนอความสมบูรณ์แบบแห่งสมดุลระหว่างความเที่ยงตรงและความเลอค่า โดยเฉดสีที่ละเมียดละไมสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การฝังอัญมณีไปจนถึงศิลปะการผลิตหน้าปัดนาฬิกา ความคอนทราสต์ระหว่างคู่สีตรงข้ามและระดับความเข้มของสีสันที่เลือกใช้ ตลอดจนประกายแวววาวเรืองรอง เป็นผลจากการบรรจงคัดสรรวัสดุด้วยมาตรฐานอันเข้มงวด แผ่นวัสดุที่ใช้สำหรับหน้าปัดและหน้าปัดย่อยนั้นล้วนได้รับการจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสอดรับกับความเข้มของสีเปลือกหอยมุกแต่ละชิ้น ซึ่งทำให้เฉดสีที่แตกต่างกันนี้้ดูงดงามและโดดเด่นยิ่งขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคนิคอันเที่ยงตรงและแม่นยำอย่างน่าทึ่ง เรือนเวลาทั้งสองรุ่นนี้รังสรรค์ขึ้นจากไวท์โกลด์ 18k โดดเด่นด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกสองสี โดยรุ่นหน้าปัดมุกสีขาวจับคู่กับหน้าปัดย่อยสีดำและสาย Oysterflex ส่วนรุ่นหน้าปัดมุกสีดำจะจับคู่กับหน้าปัดย่อยสีขาว และสายนาฬิกา Oyster โดยนอกเหนือไปจากการแสดงผลชั่วโมง นาที และวินาทีแล้ว คาลิเบอร์ 4131 ภายในยังทำให้เรือนเวลาหรูรุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชั่นการจับเวลาได้อีกด้วย

    เรือนเวลาอันทรงคุณค่าของ Rolex ทุกเรือนไม่ว่าจะรุ่นไหนล้วนงดงามสมบูรณ์แบบทั้งกลไกอันเที่ยงตรงภายในและหน้าปัดหลากหลายชนิดรวมถึงการประดับฝังอัญมณีล้ำค่าอันละเอียดอ่อนไร้ที่ติ ความบริสุทธิ์และความเปล่งประกายเป็นหัวใจสำคัญของนาฬิกา Rolex อัญมณีทุกเม็ดล้วนได้รับการคัดสรรมาอย่างดี โดย Rolex เลือกใช้อัญมณีจากธรรมชาติเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นเพชร ทับทิม ไพลิน หรือมรกต Rolex มีนักอัญมณีวิทยาและช่างผู้ชำนาญด้านการประดับอัญมณีทำงานสอดประสานกันเพื่อสรรสร้างเรือนเวลาสุดพิเศษ โดยนักอญัมณีวิทยานั้นมีหน้าที่ตรวจสอบและคัดเลือกอญัมณีที่ได้รับมาให้ตรงตามคุณลักษณะที่ Rolex ตั้งไว้อย่างเข็มงวด ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และแหล่งที่มา โดย Rolex ยึดผลการประเมินจาก World Jewellery Confederation (CIBJO) ในการคัดสรรเพชรที่ใสบริสุทธิ์ไร้ตำหนิและพลอยสีที่มีเฉดสีตรงตามมาตรฐาน ซึ่งความบริสุทธิ์ของอัญมณีนั้นวัดได้จากตำหนิในอัญมณี Rolex เลือกสรรเฉพาะอัญมณีธรรมชาติที่มีความโปร่งแสงมากที่สุด โดยเพชรที่จัดอยู่ในระดับ Internally Flawless (IF) เท่านั้น ที่ Rolex ยอมรับได้ ส่วนการเจียระไนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัญมณีเปล่งประกายสะท้อนแสงออกมาได้อย่างงดงาม และทำให้เห็น ‘ไฟ’ ที่เกิดจากแสงที่หักเหภายในอัญมณี หลังจากการตรวจสอบโดยนักอัญมณีวิทยา อัญมณีที่ผ่านเกณฑ์คัดเลือกจะถูกส่งต่อไปยังผู้ชำนาญด้านการประดับอัญมณีซึ่งมีหน้าที่จัดวางและเรียงอัญมณีแต่ละเม็ดลงไปในตำแหน่งที่จะเปล่งความงาม สี และประกายได้อย่างสวยสง่ามากที่สุด รวมไปถึงขั้นตอนการฝังอัญมณีแบบต่าง ๆ ทั้งการฝังแบบลูกปัด แบบช่อง แบบหุ้มขอบ และการฝังแบบมีหนามเตย ความสมบูรณ์แบบในการฝังอัญมณีของ Rolex ไม่ได้มาจากคุณภาพของอัญมณีเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการจัดเรียงอัญมณีแต่ละเม็ดอย่างแม่นยำโดยผ่านการคิดคำนวณทั้งเรื่องขององศา ทิศทางและตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งเรือนเวลาหรูอันสมบูรณ์แบบเหนือระดับที่สะท้อนถึงทั้งความเชี่ยวชาญทางด้านอัญมณีศาสตร์และศิลปะการฝังอัญมณีที่ไม่เป็นรองใคร