รวบรวมหลากหลายคอลเลกชั่นเรือนเวลาอันน่ามหัศจรรย์จาก Cartier ประจำปี 2025 จากงานแสดงเรือนเวลา Watches and Wonders 2025 ที่ผสมผสานทั้งความคิดสร้างสรรค์และทักษะงานช่างฝีมือชั้นสูงอันละเอียดอ่อน
“ความมหัศจรรย์ คือหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ในการรังสรรค์เรือนเวลาของคาร์เทียร์ ช่างฝีมือจากเมซงมีความสามารถเฉพาะตัวในการเปลี่ยนอัญมณีและโลหะให้เป็นชิ้นงานล้ำค่า ทำให้สามารถสร้างสรรค์เรือนเวลาได้อย่างโดดเด่นเหนือระดับ ในฐานะ
นักประดิษฐ์เรือนเวลาแห่งรูปทรง คาร์เทียร์นำมรดกผลงานชิ้นเอกอันทรงคุณค่ามาตีความด้วยสไตล์แบบใหม่ พร้อมยกระดับความคิดสร้างสรรค์และความประณีตมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย” หลุยส์ แฟร์ลา (Louis Ferla) กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์เทียร์
PANTHÈRE DE CARTIER ประดับอัญมณีระยิบระยับเป็นลวดลายแอ็บสแตร็กต์กึ่งเสือกึ่งม้าลาย
เรือนเวลาปองแตร์ที่เปรียบดั่งอัญมณีล้ำค่ากลับมาโลดแล่นในมิติใหม่ผ่านจินตนาการสุดสร้างสรรค์ หลากหลายแง่มุม
ของเสือแพนเตอร์ได้จุดประกายให้คาร์เทียร์รังสรรค์ลวดลายแอ็บสแตร็กต์ที่ผสานเส้นสายลายพาดกลอนของเสือโคร่งเข้ากับลวดลายอันโดดเด่นของม้าลาย จนเกิดเป็นองค์ประกอบกราฟิกอันงามสง่า อย่างการแต่งแต้มแลคเกอร์สีดำและสีน้ำตาลทองสลับกับการฝังเพชรและพลอยสเปสซาร์ไทต์สีส้มและสีเหลืองอันระยิบระยับ การรังสรรค์เรือนเวลาอันซับซ้อนนี้ต้องอาศัยความประณีตชั้นสูง โดยเฉพาะกระบวนการลงแลคเกอร์ด้วยมือก่อนนำไปเผาด้วยอุณหภูมิสูงภายในสถานที่เฉพาะของเมซง เดส์ เมติเยร์ ดาร์ท และการประดับเพชรบริลเลียนท์คัทกว่า 145 เม็ดแบบสโนว์เซ็ตติ้งบนหน้าปัด

PANTHÈRE JEWELLERY โดดเด่นด้วยการผสานเรือนเวลาและเครื่องประดับเข้าด้วยกัน
เสือแพนเตอร์สามมิติหลอมรวมเข้ากับดีไซน์กำไล “Toi & Moi” จนกลายเป็นผลงานดีไซน์อันน่าตื่นตาตื่นใจที่ปลายข้างหนึ่งประดับด้วยสัตว์สัญลักษณ์ของเมซง ส่วนอีกข้างเป็นเรือนเวลาหรูหราเหนือระดับ โครงสร้างอันโดดเด่นดุจงานสถาปัตยกรรมเผยให้เห็นความงดงามแบบประติมากรรมของเสือแพนเตอร์ที่กำลังพุ่งทะยาน พร้อมอวดมัดกล้ามเพรียวงาม ลวดลายบนขนที่แต่งแต้มด้วยแลคเกอร์สีดำ การตกแต่งใบหูและจมูก ตลอดจนอุ้งเท้า ทุกรายละเอียดล้วนรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตให้เสมือนจริงที่สุด ดวงตาของเสือแพนเตอร์ฝังพลอยซาโวไรต์ ส่วนจมูกฝังออนิกซ์ให้ล้อไปกับหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ และตัดกับความแวววาวของเพชรบนขอบหน้าปัด ปิดท้ายด้วยการประดับเพชรเม็ดเดี่ยวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา



เรือนเวลาที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกอันยาวนานของคาร์เทียร์ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสือแพนเตอร์ได้ปรากฏโฉมผ่านการรังสรรค์ผลงานใหม่ๆ บนเส้นทางแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเมซงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เสือแพนเตอร์ได้ถูกพลิกรูปโฉมผ่านการออกแบบใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงพลังอำนาจ และการยึดมั่นต่อคุณค่าในฐานะสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมซง
TRESSAGE โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำรูปทรงเกลียวคลื่นงดงามดุจประติมากรรมแห่งเรือนเวลา




คาร์เทียร์พลิกโฉมวัสดุและรูปร่างเพื่อสรรสร้างความงามเหนือความคาดหมายที่พร้อมสะกดทุกสายตา เรือนเวลาเทรสสาจ (Tressage) ถักทอทองคำ เพชร และอัญมณีด้วยศาสตร์แห่งการรังสรรค์ประจำเมซง ผลลัพธ์ที่ได้คือเรือนเวลาสุดเจิดจรัสที่แปลกใหม่ทว่าซื่อตรงต่อเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์อย่างเต็มเปี่ยม เทรสสาจคือเรือนเวลาสุดวิจิตรที่อัดแน่นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเดินตามรอยเรือนเวลาไอคอนิคอย่างเมญง (Maillon) คุซแซง (Coussin) และรีเฟลคชั่น (Reflection) ด้วยการนำองค์ประกอบอย่างตัวเรือนทองคำและรูปทรงอันสะดุดตามาหลอมรวมพร้อมประชันความแตกต่าง จนเกิดเป็นชิ้นงานที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นประติมากรรมแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง


TANK À GUICHETS เรือนเวลาไอคอนิคของเมซงที่รังสรรค์ผ่านมุมมองใหม่สู่รุ่นลิมิเต็ดในคอลเลคชั่น Cartier Privé
ในทุกๆ ปี เหล่าบรรดาคนรักนาฬิกาต่างเฝ้ารอการเปิดตัวคอลเลคชั่นคาร์เทียร์พรีเว่ (Cartier Privé) ที่เลือกเรือนเวลาชิ้นไอคอนิคของเมซงมาหนึ่งรุ่นเพื่อรังสรรค์ผ่านมุมมองแบบใหม่ให้เป็นรุ่นลิมิเต็ด โดยปีนี้คาร์เทียร์นำเสนอแทงก์ อา กิเชต์ (Tank à Guichets) เรือนเวลาที่เปิดตัวในปี 1928 ซึ่งโดดเด่นด้วยการผสานเทคนิคและดีไซน์อย่างชาญฉลาดในการออกแบบหน้าปัดบอกเวลาแบดิจิทัล ความมหัศจรรย์หลั่งไหลผ่านจิตวิญญาณการสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ดุจเส้นด้ายนำทางที่มาบรรจบกับความกล้าหาญเพื่อขับเน้นดีไซน์ของประดิษฐกรรมแห่งกาลเวลาของเมซงให้เด่นชัดยิ่งขึ้น โดยจะสัมผัสได้จากเรือนเวลาแทงก์ อา กิเชต์ รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกลไกคาลิเบอร์ 9755 MC ขึ้นลานด้วยมือที่คาร์เทียร์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศ พร้อมกลไกจัมปิ้งอาวร์ (Jumping Hour) และแดรกกิ้งมินิท (Dragging Minutes) แต่ยังคงรูปลักษณ์ไอคอนิคของแทงก์ อา กิเชต์ รุ่นปี 1928 ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่องบอกเวลาหลักชั่วโมงอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ช่องบอกนาทีอยู่ที่ 6 นาฬิกา และเม็ดมะยมอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ตัวเรือนผิวสัมผัสซาตินตัดกับกรอบแนวขวางแบบขัดเงาทำให้ซิลลูเอทของนาฬิกาชัดเจนมากยิ่งขึ้น หน้าปัดหลักมีให้เลือก 2 แบบ คือหน้าปัดทองคำขัดด้านและแพลทินั่มขัดด้าน

TANK LOUIS CARTIER สุดคลาสสิกที่มาในขนาดใหญ่กว่าเดิม



แทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier) ซึ่งเปิดตัวในปี 1922 ถือเป็นทายาทของแทงก์รุ่นแรกที่รู้จักกันในชื่อแทงก์ นอร์มาล (Tank Normale) ซึ่งหลุยส์ คาร์เทียร์ได้ออกแบบขึ้นใหม่เพียงห้าปีหลังจากต้นแบบแรกถือกำเนิดขึ้น ตัวเรือนถูกปรับให้ดูยาวมากยิ่งขึ้น ส่วนขอบแนวตั้งดูเพรียวบางลง และลบมุมให้โค้งละมุน ทำให้ดีไซน์ใหม่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากลายเป็นรูปทรงมาตรฐานของแทงก์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในครั้งนี้คาร์เทียร์ได้นำดีไซน์สุดคลาสสิกนี้มารังสรรค์ใหม่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 1899 MC โดยยังเคารพต่อเส้นสายและสัดส่วนของเรือนเวลาตระกูลแทงก์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม แทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ขนาดใหม่นี้มีให้เลือกสรรทั้งวัสดุโรสโกลด์และเยลโลว์โกลด์