Maximillian Büsser กับสุดยอดผลงานนวัตกรรมทางกลไกเวลาที่ประสบความสำเร็จได้ด้วยหนึ่งในเพื่อนคนสำคัญอย่าง Stephen McDonnell
ในปี 2022 MB&F (Maximillian Büsser & Friends) เปิดตัว ‘Legacy Machine Sequential EVO’ ซึ่งเป็นนาฬิกาโครโนกราฟคู่ที่เปิดประตูสู่การพัฒนากลไกโครโนกราฟเหนือระดับ กลไกอันล้ำสมัยนี้ได้สร้างนิยามใหม่จนได้รับรางวัล GPHG ‘Aiguille d’Or’ “สำหรับนาฬิการุ่น ‘Legacy Machine Sequential EVO’ รังสรรค์ขึ้นโดย Stephen McDonnell หนึ่งในเพื่อนของผม ผู้อยู่เบื้องหลังผลงาน LM Perpetual ในปี 2015 ซึ่ง ‘LM Sequential EVO’ เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่ครบเครื่องในเรื่องประสิทธิภาพการจับเวลาจนทำให้สงสัยว่าทำไมกันถึงไม่มีใครเคยคิดถึงกลไกรูปแบบนี้มาก่อน ฟังก์ชันจับเวลาหลากหลายโหมดช่วยให้สามารถจับเวลาได้ทุกอย่าง ตั้งแต่การแข่งขันของนักกีฬาสองคน หรือรอบจับเวลาติดต่อกันในสนามแข่ง หรือแม้แต่การจับเวลาในการปรุงอาหารสองจานที่แตกต่างกันในเตาอบ ไปจนถึงการใช้งานจับเวลาอย่างเป็นทางการ” Maximillian Büsser หรือ Max ผู้ก่อตั้งแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาอิสระที่โดดเด่นด้วยสุดยอดนวัตกรรมและรูปแบบของงานดีไซน์ล้ำยุคอย่าง MB&F เล่าถึงที่มาของกลไกจับเวลาที่คิดค้นขึ้นโดย Stephen McDonnell ผู้ผลิตนาฬิกาชาวไอร์แลนด์เหนือ หนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยในการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนแรกของ Max
“ในปี 2016 ผมเคยคุยกับ Stephen ถึงการแก้ปัญหาของ ‘Legacy Machine Perpetual’ โมเดลปี 2015 ซึ่ง Stephen ตอบกลับมาว่า เขามีความคิดที่ว่านาฬิกาโครโนกราฟสมัยใหม่ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำงานตามที่ถูกออกแบบไว้ได้ดีพอ ซึ่งชิ้นส่วนคลัตซ์ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามันเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้การจับเวลาในการแข่งขันดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและแสดงค่าจับเวลาได้อย่างแม่นยำด้วยกลไกโครโนกราฟที่ทำงานด้วยตนเอง การจัดเตรียมระบบโครโนกราฟอิสระสองชุดซึ่งสามารถทำงานพร้อมกันได้ หมายความว่าสามารถจับเวลาที่แตกต่างกันและคงไว้ได้นานพอที่จะบันทึกผลลัพธ์ได้ โดยปัจจัยสำคัญคือการหาวิธีรวมฟังก์ชันทั้งหมดนี้ไว้ในนาฬิกาข้อมือเรือนเดียว จากนั้นเป็นต้นมาแนวทางแก้ไขต่างๆ ก็ลงตัว การใช้กลไกโครโนกราฟที่แยกจากกันสองชุดที่เชื่อมโยงกับออสซิลเลเตอร์ตัวเดียวกัน เป็นแนวคิดที่สร้างขึ้นจริงสำหรับ Legacy Machine ซึ่งมีบาลานซ์วีลอยู่ตรงกลาง หมายความว่าข้อผิดพลาดในการจับเวลาเนื่องจากความคลาดเคลื่อนของโครโนเมตริกเล็กน้อยระหว่างตัวจับเวลาที่ต่างกันจะถูกกำจัดออกไป” Max อธิบาย
ในขณะที่ MB&F ก้าวเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของทศวรรษที่สอง จึงเป็นช่วงเวลาเหมาะสมทำให้แบรนด์กลับมามีชีวิตชีวายิ่งขึ้น และมีส่วนสำคัญในการพลักดันแบรนด์ไปสู่มิติใหม่ของการผลิตนาฬิกาชั้นสูง ดังนั้น ‘LM Sequential’ จึงเป็นมากกว่าเครื่องบันทึกเวลา แต่เป็นเครื่องบันทึกทางประวัติศาสตร์ระหว่าง Max และ แบรนด์ MB&F ที่เขาสร้างและพัฒนามาร่วมกับเพื่อนคนสำคัญมากมายในทีมของเขา