กลางฤดูร้อนในเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา บาร์ซาร์ได้มีโอกาศเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานของ A. Lange & Söhne รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ ในเมืองเดรสเดน เมืองหลวงของรัฐแซกโซนี ประเทศเยอรมัน ซึ่งล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในโลกแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลา ที่ซึ่งศิลปะงานช่างฝีมืออันงดงามละเอียดอ่อนได้ผสานเข้ากับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเริ่มต้นในปี 1815 ปีเกิดของผู้ก่อตั้งแบรนด์อย่าง Ferdinand Adolph Lange ชายผู้เกิดในช่วงเวลาที่แซคโซนีตกอยู่ภายใต้การปกครองของนโปเลียน ยุคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เขาเติบโตในช่วงที่ประเทศกำลังฟื้นตัว และได้รับการเรียนรู้ด้านเทคนิคต่างๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับการประดิษฐ์นาฬิกาจาก Johann Christian Friedrich Gutkaes ช่างนาฬิกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคสมัยนั้น การศึกษาและฝึกงานของเขาทำให้ได้มาซึ่งความรู้และทักษะที่เป็นพื้นฐานสำคัญอันนำไปสู่การพัฒนาประดิษฐ์นาฬิกา ‘Five- Minute Clock’ ร่วมกับ Gutkaes ในปี 1841 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขา
‘Five- Minute Clock’ เป็นนาฬิกาขนาดใหญ่ที่คอยบอกเวลาทุกๆ 5 นาที ผ่านหน้าต่างสองบานบนใจกลางเหนือเวทีในโรงละครโอเปรา Semper ในเมืองเดรสเดน โดยเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมที่หลังเวทีและปีนขึ้นไปยังห้องขนาดเล็กที่เป็นเหมือนกับห้องแห่งความลับที่จัดเก็บกลไกเวลาที่มีลักษณะเป็นวงล้อสองวง นอกจากนั้นยังได้มีโอกาสเดินวกกลับมายังเบื้องหน้าของเวที มานั่งชมความยิ่งใหญ่ของโรงละครในฐานะผู้ชมจากจุดต่างๆ ตอนนั้นเองที่ทำให้เราได้เห็น ‘Five- Minute Clock’ อย่างชัดเจนจากที่นั่งที่ไกลที่สุด การออกแบบที่เรียบง่ายและชัดเจนนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกในประวัติศาสตร์ของศิลปะการสร้างนาฬิกามาจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของฟังก์ชั่นแสดงวันที่ ‘Outside Date’ อันโด่งดังและมีเอกลักษณ์บนหน้าปัดนาฬิกาของ A. Lange & Söhne มาตั้งเต่ปี 1994 จนมาถึงปัจจุบันอีกด้วย
นอกจากโรงละครโอเปรา Semper เรายังได้ไป Mathematisch-Physikalischer Salon พิพิธภัณฑ์ทางด้านคณิตศาตร์และฟิสิกซ์ที่เก็บรวบรวมนาฬิกาโบราณชิ้นประวัตศาสตร์ อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ และดาราศาสตร์ไว้มากมาย รวมถึงต้นแบบขนาดจำลองของ ‘Five- Minute Clock’ ผลงานของ Ludwig Teubner จากปี 1896 นอกจากนั้นยังมีนาฬิกาข้อมือ และนาฬิกาพกแกะสลักอันวิจิตรงดงามที่มาพร้อมฟังก์ชั่นและกลไกอันสลับซับซ้อน ซึ่งบนหน้าปัดจะเป็นชื่อใครไปไม่ได้นอกจาก A. Lange & Söhne โดยสำหรับชื่อแบรนด์นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1845 หลังจากที่ Adolph Lange กลับจากฝรั่งเศสมายังเดรสเดนและแต่งงานกับบุตรสาวของ Gutkaes อาจารย์ของเขา จนมีบุตรชายด้วยกัน ซึ่ง Söhne ในภาษาเยอรมัน แปลว่า Son ในภาษาอังกฤษ นั้นเอง
นั่งรถออกมาจากตัวเมืองเดินทางสู่โรงงานของ A. Lange เราได้พบกับอาคารดีไซน์เรียบง่ายหลายตึก บ้างก็เชื่อมต่อกันที่ชั้นบนข้ามผ่านถนนเส้นเล็กๆที่ทอดยาวไปตามเนินเขาอันเงียบสงบ โดยภายในโรงงานนั้นแบ่งเป็นแผนกต่างๆ อย่างชัดเจน เช่น แผนกดีไซน์ขึ้นชิ้นงานต้นแบบ แผนกแกะสลัก แผนกประกอบซึ่งแบ่งตามนาฬิกาแต่ละรุ่น แผนกคอมพลิเคชั่นซึ่งแบ่งกันตามชนิดของกลไก
และเมื่อเดินย้อนลงไปตามเนินเขาห่างไปเล็กน้อยเราก็ได้เข้าไปที่ Stammhaus อาคารที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานซึ่งสร้างขึ้นในปี 1873 โดย Ferdinand Adolph Lange อาคารที่เคยเป็นทั้งบ้านของตระกูล Lange และเป็นต้นกำเนิดของการผลิตเรือนเวลามากมาย ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่รับรองและจัดแสดงคอลเลกชั่นเรือนเวลาให้กับแขกของแบรนด์ เราได้พบกับ Wilhelm Schmid ซีอีโอ และ Anthony de Haas ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ A. Lange & Söhne ทั้งสองได้ให้เกียรติมาต้อนรับและพูดคุยให้ความรู้อย่างเป็นกันเอง โดยที่ชั้นสองมีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดเล็กบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ ซึ่งอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของ A. Lange ก็คือ Walter Lange หลานชายของ Ferdinand Adolph Lange ผู้มีความฝันที่จะสร้างสรรค์นาฬิกากลไกคุณภาพสูง หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองและหลังการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลินในปี 1989 Walter Lange และ Günter Blümlein ได้ร่วมกันฟื้นฟู A. Lange & Söhne ขึ้นมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1990 ตามมาด้วยการเปิดตัว 4 คอลเลกชั่นเรือนเวลาระดับตำนานของแบรนด์ในปี 1994
ในปัจจุบัน A. Lange & Söhne ยังคงผลิตนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงและใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และความหลงใหลของ Ferdinand Adolph Lange และทั้งคอลเลกชั่นหลักแรกเริ่มอย่าง ‘Lange 1’ ที่นำเสนอความเรียบหรู สง่างามแบบดั้งเดิมที่ผสานเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว คอลเลกชั่น ‘Zeitwerk’ โดดเด่นมีเอกลักษณ์ด้วยการบอกเวลาผ่านหน้าต่างแสดงตัวเลขดิจิตัลขนาดใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิกาข้อมือจักรกลเรือนแรกของโลกที่แสดงชั่วโมงและนาทีด้วยกลไกตัวเลขกระโดด คอลเลกชั่น ‘Saxonia’ นำเสนอความชาญฉลาดทางด้านกลไกขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่มีฟังก์ชั่นพื้นฐานหรือรุ่นที่สลับซับซ้อน คอลเลกชั่น ‘1815‘ ตั้งชื่อตามปีเกิดของ Ferdinand Adolph Lange นำเสนอความสมบูรณ์แบบของงานฝีมือในทุกองค์ประกอบด้วยรูปลักษณ์ที่โมเดิร์นและอ่านเวลาได้ชัดเจน คอลเลกชั่น ‘Richard Lange’ กับกลไกอันเที่ยงตรงที่เชื่อมโยงกับโลกแห่งวิทยาศาสตร์ จนไปถึงคอลเลกชั่น ‘Odysseus’ นาฬิกาสปอร์ตหรูสายโลหะรุ่นแรกของแบรนด์ ที่ประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 มาจนถึงปัจจุบัน
การเดินทางสู่เมืองเดรสเดนไม่เพียงแต่ทำให้เราสัมผัสกับความมหัศจรรย์ในโลกแห่งการผลิตประดิษฐ์เรือนเวลาเยอรมัน แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความเชื่อมโยงระหว่างประวัติศาสตร์ ศิลปะ เทคโนโลยี และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นาฬิกาอันสมบูรณ์แบบของ A. Lange & Söhne แบรนด์เรือนเวลาอันสง่างามร่วมสมัยที่พร้อมจะเดินทางสานต่อเจตนารมของผู้ก่อตั้งและสร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ของตนเองต่อไปในอนาคต
