Friday, October 4, 2024
More

    กลับมาอีกครั้งกับ Mercedes-Benz Driving Events 2024 พบสุดยอดยนตรกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่พร้อมทะยานบนพื้นแทร็คระดับโลก

    on

    - Advertisement -

    เรียกได้ว่านี่คืออีเว้นท์แห่งปีที่เกิดขึ้นในแวดวงยานยนต์ของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับงาน “Mercedes-Benz Driving Events 2024” ซึ่งจัดโดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ภายใต้รูปแบบของกิจกรรมทดสอบการขับขี่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยงานนี้ก็มีทั้งลูกค้า สื่อมวลชน และพนักงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ตรงบนแทร็คสนามแข่งระดับโลก พร้อมกับสุดยอดยนตรกรรมกว่า 24 รุ่น โดยขนทัพรถสมรรถนะสูงในตระกูล Mercedes-AMG มาด้วยกันถึง 8 รุ่น นำโดยรุ่นล่าสุดอย่าง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé และ Mercedes-AMG GLE 53 HYBRID 4MATIC+ รวมถึงรถยนต์สปอร์ตคูเป้ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดอย่าง EQE 300 โดยผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ต่างก็ได้ฝึกทักษะและเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง จากทั้งผู้ฝึกสอนดีกรีแชมป์โลก ตำนานมอเตอร์สปอร์ต และผู้ฝึกสอนระดับแนวหน้าของประเทศไทย ที่มาร่วมการทดสอบและจำลองการแข่งขันจริงบน สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

    Mercedes-Benz Driving Events 2024
    มร.มาร์ติน ชเวงค์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)

    สำหรับกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2024 ประกอบไปด้วยสถานีทดสอบการขับขี่ทั้งหมด 4 สถานี ก่อนที่จะให้ผู้ร่วมกิจกรรมประลองการแข่งขันจริงแบบเต็มสนาม โดยมีรายละเอียดของสถานีต่างๆ ดังนี้

    สถานีที่ 1 “Motor Khana” สถานีการทดสอบที่มีสิ่งกีดขวางมากมาย ซึ่งบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องสร้างความสมดุลระหว่างความเร็ว ความคล่องตัวและความปลอดภัยในการขับขี่ โดยมีหัวใจสำคัญคือการควบคุมการทรงตัวของรถ การบังคับทิศทางของพวงมาลัย การกะระยะและจังหวะเบรก รวมถึงการเติมคันเร่งในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อฝ่าฟันทุกสิ่งกีดขวางไปได้อย่างปลอดภัยในระยะเวลาที่สั้นที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ CLE 300 4MATIC Coupé AMG Dynamic, C 220 d AMG Line, C 350 e AMG Dynamic, CLS 220 d AMG Premium, E 220 d AMG Line และ E 350 e AMG Dynamic  

    “Motor Khana” Station

    สถานีที่ 2 “Brake & Avoid” สถานีการทดสอบระบบเบรกและระบบความปลอดภัยของตัวรถ รวมถึงการทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ท้าทายต่อผู้ขับขี่ เพื่อทำให้ผู้ขับขี่คุ้นชินกับระยะเบรกของรถและระบบความปลอดภัยที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ในสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ โดยแบ่งการทดสอบเป็น 2 ส่วน คือการทดสอบเบรกทางตรงและการทดสอบเบรกแบบหักหลบสิ่งกีดขวาง ด้วยพิกัดความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. ตามลำดับ ซึ่งผู้ขับขี่จะต้องอาศัยทักษะการขับขี่และความเร็วในการตอบสนองต่อสัญญาณไฟที่ปรากฏอยู่บนเสาสถานี เพื่อเบรกฉุกเฉินพร้อมหักหลบไปยังทิศทางที่กำหนดไว้ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 350 e 4MATIC AMG Dynamic, GLC 350 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Line และ GLS 450 d 4MATIC AMG Dynamic

    “Brake & Avoid” Station

    สถานีที่ 3Drag Race” สถานีการทดสอบที่ผู้ขับขี่จะได้สัมผัสถึงสมรรถนะอันทรงพลังของรถในตระกูล Mercedes-AMG ด้วยการจำลองการแข่งทางตรงในระยะสั้น โดยนอกจากการเร่งความเร็วแบบเต็มสูบตั้งแต่จังหวะการออกตัวเพื่อทิ้งห่างคู่แข่ง เมื่อใกล้ถึงจุดที่กำหนด ผู้ขับขี่จะต้องกะระยะเบรกให้รถหยุดนิ่งในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อชนะการแข่งขันในแต่ละรอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupé, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé, Mercedes-AMG GLE 53 HYBIRD 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43

    “Drag Race” Station

    สถานีที่ 4 “Cornering” สถานีการทดสอบที่เน้นทักษะการเข้าโค้งและสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางคดเคี้ยวในช่วงครึ่งหลังของสนามช้างฯ ซึ่งมีรูปแบบของโค้งที่หลากหลายและให้ความรู้สึกท้าทายในรูปแบบที่ต่างกัน โดยมีเป้าหมายในการขับขี่ผ่านโค้งต่างๆ อย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด ซึ่งผู้ฝีกสอนจะคอยแนะนำขั้นตอนทั้งหมด ตั้งแต่จังหวะการเบรกก่อนเข้าโค้ง การลดรัศมีของโค้ง วิธีการมองจุดตัดยอดโค้ง จนไปถึงการหาทางออกและจังหวะการออกรถเมื่อพ้นโค้ง โดยทุกเทคนิคสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งการขับขี่บนสนามแข่งและการขับขี่บนถนนในชีวิตประจำวัน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสถานีนี้ ได้แก่ EQE 300, EQS 500 4MATIC SUV AMG Dynamic, EQE 350 4MATIC SUV AMG Line, EQE 350 4MATIC SUV Electric Art และ EQS 500 4MATIC AMG Premium

    “Cornering” Station

    และเมื่อฝึกทักษะจนครบหลักสูตรทั้ง 4 สถานีแล้ว ทุกคนก็ได้ลงสนามจริงเพื่อขับขี่แบบ Full Lap ในรอบ Lead & Follow และ Racetrack Experience โดยมีผู้ฝึกสอนเป็นผู้ขับนำและขับขี่ตาม Racing Line ที่ถูกต้อง และมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่เป็นกลุ่มๆ ด้วยรถที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน และในแต่ละรอบผู้ขับขี่ก็ได้สลับสับเปลี่ยนกันขับยนตรกรรมหลากหลายรุ่น เพื่อสัมผัสความแรงทุกรูปแบบในทุกพิกัดตัวถังของยนตรกรรมจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

    ความพิเศษยังไม่หมดแค่นี้ เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ส่งเซอร์ไพรส์พิเศษด้วยการนำ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ Final EDITION ว่าที่ตำนานแห่งรถสปอร์ตคูเป้ 4 ประตู รุ่นสุดท้ายในประเทศไทย มาเผยโฉมครั้งแรกบนสนามแข่ง โดยมาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่เอาใจสาวก AMG เสริมความดุดันขั้นสุดด้วยชุดแต่ง AMG Night Package II และล้ออัลลอยด์ 5-twin spoke สีดำ ขนาด 20 นิ้ว พร้อมคาลิเปอร์สีแดงประทับสัญลักษณ์ AMG จัดเต็มด้วยแพ็คเกจเสริมของ Mercedes-AMG อย่าง AMG Performance exhaust system และ AMG DYNAMIC PLUS package ที่มาพร้อมโหมด “RACE” และ Drift mode รวมถึงการติดตั้งไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้าง Surround lighting with projection ฉายภาพโลโก้ AMG โดยในช่วงเปิดตัวจะมาพร้อมราคาจำหน่ายที่ 5,480,000 บาท*

    *เงื่อนไขให้เป็นไปตามที่บริษัทฯ และตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการกำหนด

    Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ Final EDITION

    สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือที่ศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการทุกสาขาทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารอัพเดทผ่านทาง Facebook: Mercedes-Benz Thailand IG: @MercedesBenzThailand และ LINE: @mercedesbenzth