La Braci ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสไตล์ “โมเดิร์นแคชชวล”แห่งใหม่ ณ ชั้นลอยของตึก One City Centre ใจกลางย่านเพลินจิต ที่พร้อมนำเสนอความอร่อยผ่านศิลปะของอาหารเวสเทิร์น แต่ยังคงความหรูหราในแบบฉบับของไฟน์ไดนิ่งผสมผสานรสชาติและบรรยากาศที่ลงตัว ตอบโจทย์คนเมืองยุคใหม่ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายเพียงไม่กี่ก้าวจากสถานี BTS เพลินจิต พร้อมมุมถ่ายภาพสุดเก๋ที่ตอบโจทย์สายโซเชียล
ที่ร้าน La Braci คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไม่เหมือนใคร ด้วยเทคนิคการปรุงอาหารที่เน้น การใช้ไฟจากฝืน ของไม้สนทะเลคุณภาพ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมด้วยการตกแต่งร้านที่ผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นและธรรมชาติอย่างกลมกลืนในคอนเซปต์ของถ้ำหินและเน้นเฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีของไม้ ทำให้รู้สึกถึงความหรูหราและในขณะเดียวกันก็รู้สึกผ่อนคลาย ที่ร้านสามารถรับรองลูกค้าได้ถึง 50 ที่นั่ง เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นมื้อพิเศษสำหรับครอบครัว การพบปะเพื่อนฝูง หรือดินเนอร์สุดโรแมนติก La Braci ให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองผ่านการออกแบบครัวระบบเปิดที่เชฟและทีมงานสามารถเชื่อมต่อกับแขกได้โดยตรง แขกทุกท่านสามารถมองเห็นเรื่องราวกระบวนการสร้างสรรค์เมนูของแต่ละจาน พร้อมทั้งสัมผัสกลิ่นหอมอันยั่วใจจากเตารมควัน ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับอาหารแต่ละเมนู
หนึ่งในเมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้าน คือ Oyster Flambée 1 ชิ้น เมนูเรียกน้ำย่อยที่โดดเด่นด้วยการใช้เทคนิคปรุงอาหารแบบดั้งเดิมของยุโรป Flambadou เชฟจะเผาโลหะทรงกรวยจนร้อนจัดและเติมไขมันให้หลอมละลายหยดลงบนลงบนหอยนางรมสด ความร้อนจะช่วยให้หอยนางรมสุกกำลังดีและกลิ่นหอมคล้ายการย่างถ่านความพิเศษไม่จบแค่นั้น! จานนี้ยังเสริมด้วย ซอสครีมเบลอบล๊อง และน้ำมันต้นหอม เพิ่มลูกเล่นด้วย มะนาวคาเวียร์ ที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่นในทุกคำ เสิร์ฟมาอย่างงดงามบนเปลือกหอย เป็นประสบการณ์ที่ทั้งอร่อยและตื่นตาตื่นใจในคราวเดียว
มาพูดถึงเมนูจานหลักกันบ้างอย่างเริ่มกันที่จานแรกเอาใจสายเนื้ออย่าง Wood-Fired Australian Wagyu Angus Beef Flank ซึ่งที่เด็ดของจานนี้อยู่ที่ความหอมของถ่านไม้ที่ทางร้านใช้นำมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์โดยจานนี้เสิร์ฟคู่กับหอมผัดคาราเมลที่ใช้ขั้นตอนการทำที่พิถีพิถันและบร็อกโคลีนี ที่ย่างเกรียมตัดรสเข้มข้นของเนื้อวัว และที่จะขาดไปไม่ได้คือ Rof Emulsion สูตรของทางร้านเองซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากซอส chimichurri ของแอฟริกาตะวันตกเพื่อเติมกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร ช่วยปรับสมดุลให้กับความเข้มข้นของวากิวและทำให้จานนี้ครบรส
จานต่อมาใครสายกุ้งบอกเลยห้ามพลาดกับเมนู Wood Fire Giant River Prawn กุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นเด้งมันเยิ้มเพิ่มรสชาติด้วย และซัลซ่ามะเขือเทศเปรี้ยวสดชื่น พร้อมโรย wolffia หรือผำ ที่หาทานยาก เพิ่มเทกซ์เจอร์ในทุกคำต่อด้วยเมนูแชร์สุดครีเอทีฟ Charred Baby Squid Potato Dumplings หมึกกระดองย่างไฟเนื้อหวานฉ่ำ เสิร์ฟคู่ดัมพลิงส์ที่ทำจากมันฝรั่งเนื้อนุ่มนวล ราดด้วย ซอสเลมอนแซฟฟรอนและน้ำมันดิลล์หอมละมุน และด้วยรสชาติความเปรี้ยวนิดๆของเลมอนครีมซอสทำให้ทุกสัมผัสรู้สึกถึงความสดชื่น เปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน อย่าง Pavlova เมนูนี้ยังคงความคลาสสิก ในแบบของเมอแรงค์ที่กรอบนอกนุ่มในท๊อปด้วย คัสตาร์ดเสาวรสที่มาความเปรี้ยวสดชื่น เพิ่มมิติความอร่อยด้วยเนื้อเสาวรสสดอร่อยทุกสัมผัส
คุณ Sean Lai เชฟผู้เป็นเจ้าของร้าน La Braci กล่าวว่า “ปรัชญาการทำอาหารของเรา เกิดจากความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อทั้งประเพณีและนวัตกรรม เราตั้งใจรังสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารสไตล์ไฟน์ ไดนิงแบบสบายๆ แต่ทันสมัย เชิดชูเสน่ห์ดั้งเดิมของการปรุงอาหารด้วยไฟที่จุดจากไม้ที่ผสานกับเทคนิคสมัยใหม่ เป้าหมายของเราคือการส่งเสริมให้รสชาติตามธรรมชาติของวัตถุดิบที่เราคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันได้เปล่งประกายอย่างเต็มภาคภูมิด้วยวิถีแห่งความซับซ้อนและละเอียดอ่อนที่ได้จากไฟและควัน แต่ละจานเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อรังสรรค์ประสบการณ์ที่น่าจะจดจำ”