Story : Suthaorn Angkavanich
บาซาร์มีโอกาสได้พบกับไมค์ – พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล หรือที่แฟนๆ ในต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ Mike Angelo เมื่อครั้งที่เดินทางไปร่วมงานเปิดวิลล่าหรู Boss House บนเกาะบาหลี นักแสดง นักร้อง และกรรมการจากรายการ Chuang Asia ได้พูดคุยกับเราถึงเรื่องราวในวงการบันเทิงของเขาที่ทอดยาวมากว่า 20 ปี นับตั้งแต่ได้เข้าร่วมโครงการ G-Junior รุ่นแรกกับพี่ชาย ไมค์ – พิชญะ นิธิไพศาลกุล มาจนถึงการเป็นนักแสดงนำในประเทศจีน และล่าสุดกับบทบาทใหม่ในฐานะผู้บริหารและเจ้าของ Production House ที่ผลิตผลงานซีรีส์ด้วยตัวของเขาเอง

สิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้
ตอนนี้ผมเปิดบริษัทโปรดักชั่น MDA Entertainment ทำซีรีส์ ทำภาพยนตร์ครับ ต้องการทำสิ่งที่เราชอบ เราอยู่กับมันมาตลอดชีวิต
วงการบันเทิงสมัยนี้และสมัยก่อน
วงการบ้านเราเปลี่ยนไปเยอะตรงเทคโนโลยีที่มันเกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้ทั้งโลกคอนเน็กต์กับเราได้มากขึ้น พอเราได้ดูอะไรมากขึ้น เด็กสมัยใหม่ก็จะพัฒนาเร็วขึ้นครับ ต่างกับสมัยก่อนเราที่เราแทบไม่มีสื่ออะไรดูเลย มันเลยค่อนข้างยากกับการที่จะจะมองเห็นว่าโลกเป็นยังไงบ้าง
ย้อนความหลังสักหน่อยเรื่องการเข้าสู่วงการบันเทิงของคุณ
ตอนไปแข่งร้องเพลงครั้งแรกในโครงการคัดเลือก G-Junior เพื่อเป็นเด็กฝึกของทาง GMM Grammy นั้น ผมยังเด็กมากเลย ไม่ได้คิดอะไรมากด้วย ไม่ได้ฝันอะไร แค่อยากตามพี่ชายก็คือกอล์ฟไป เขาชอบด้านนี้ แต่ผมคือไม่มี Talent ทางด้านนี้เลย ร้องก็ไม่ได้ เต้นก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรสักอย่างเลยในตอนนั้น
ความทรงจำเกี่ยวกับงานแสดงครั้งแรก
งานแสดงครั้งแรกคือ ‘อุบัติรักข้ามขอบฟ้า’ ก็แสดงกับ เต้ย- จรินทร์พร ครับ เรื่องนี้จำได้แม่นเลย เพราะว่าแค่เรื่องแรกก็ยากแล้ว ตอนนั้นผมไม่ได้รับบทเป็นคนไทย ผมต้องเล่นเป็นคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาญี่ปุ่นชัดกว่าภาษาไทย เราไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อน เวลาเล่นเลยต้องใช้การท่องจำเอา

คุณเป็นคนที่เชื่อในเรื่องโชคชะตา
ผมเชื่อในเรื่องของ Destiny เชื่อในเรื่องของดวงชะตาอยู่เหมือนกันครับ ผมเชื่อว่าการที่เราเจอต้องอะไรที่มันยากในสมัยก่อน เอาจริงๆ มันก็มีเหตุผลเพื่อการเตรียมตัวสำหรับเราในอนาคต เพราะพอผมต้องไปทำงานที่จีน ผมก็ต้องทำเหมือนกัน เราไม่พูดจีน ไม่ได้เรียนภาษาจีน เวลาท่องบทก็ต้องท่องจำเป็นภาษาจีนทั้งหมดเลย มันก็มีเหตุผลในความยากลำบากในอดีตของเรา มันเป็นบททดสอบเพื่อฝึกให้เราพร้อมสำหรับอนาคตมากกว่า
จุดเริ่มต้นที่ไปทำงานในประเทศจีน
ครั้งแรกที่ไปเราอาจไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์เสียทีเดียว เพราะตอนนั้นผมไปหลังจากที่เล่นเรื่อง Full House แล้วประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ด้วยระยะเวลาที่เรามี ไปถึงก็ไปรับงานที่เป็นแขกรับเชิญในเรื่อง เรื่องนั้นเป็นเรื่องจีนโบราณที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในยุคนั้น พอมีคนเห็นเรา เราก็มีโอกาสได้ไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้แสดงเรื่อยๆ ในหลายบทบาท

ความสามารถทางด้านภาษาของคุณในปัจจุบัน
ที่จริงผมเริ่มมาเรียนภาษาจีนตอนช่วงโควิดเองนะครับ เพิ่งมาพูดได้ช่วงนั้นด้วยซ้ำ ในระดับที่เป็น Conversation ถามตอบได้จริงๆ น่ะครับ คือสำหรับผม งานมาภาษาก็มาครับ ถ้างานต้องการให้ผมพูดภาษาอะไร ผมก็จะไปฝึกแบบเจาะจงเลย ตอนนี้ก็พูดจีนได้ ญี่ปุ่นได้นิดหน่อย คุยได้เล็กน้อย เกาหลีก็อาจจะแค่แนะนำตัว พูดเล่นบนโต๊ะอาหารได้ อะไรแบบนั้นครับ
การทำงานโปรดักชั่นในบ้านเราและในจีนต่างกันอย่างไร
อยากได้แบบตรงๆ ใช่มั้ยครับ ก็คงเป็นเรื่องของ Budget จากที่ผมมาทำงานเบื้อหลัง มาคุมงบประมาณต่างๆ Facility ต่างๆ ทำให้ผมรู้เลยว่า บ้านเราค่อนข้าง Suffer นิดหนึ่ง มันทำให้นักแสดงต้องทำงานหนัก หนักมาก คือพองบประมาณน้อย มันก็จะเกิดความเหนื่อย ความรีบเร่ง ในการถ่ายทำ ถ้าอย่างที่จีนที่มีงบประมาณเยอะ การถ่ายทำแม้จะเหนื่อย แต่มันจะละเอียด ทีมงานไม่เหนื่อยเท่าบ้านเรา การดูแลก็ทั่วถึงกว่าครับ
พูดถึงผลงานที่กำลังตั้งใจทำอยู่ให้เราฟังสักหน่อย
ตอนนี้ผมทำซีรีส์แวมไพร์ ที่ชื่อ VAMP ที่เพิ่งเปิดตัวไปช่วงมิถุนายน ซึ่งมีผม เจฟ ซาเตอร์ และเบคกี้ อาร์มสตรอง เป็นซีรีส์ที่ผมอยากจะทำมาตั้งนานแล้ว ผมเขียนพล็อตด้วยตัวเอง เป็นมุมมองหนึ่งที่ต้องตีโจทย์เรื่องของแวมไพร์ ซึ่งค่อนข้างยากกับการจะทำหนังแวมไพร์ในประเทศไทย จะเปิดกล้องจริงๆ ก็ช่วงพฤศจิกายนนี้ครับ โลเคชั่นก็จะเป็นในประเทศไทย แต่ผมจะพยายามนำเสนอในมุมมองใหม่ๆ ของบ้านเราด้วยครับ
การเลือกนักแสดงในโปรเจ็กต์ของคุณ
ผมจะเลือกจากความสบายใจมาเป็นที่ตั้งครับ ผมจะ Analyze บุคคลเหล่านั้นก่อน ศึกษาพวกเขาก่อน อย่างเจฟผมรู้จักเขาครั้งแรกที่รายการที่จีนก่อนแล้วก็มาร่วมกันที่ Chuang 2024 เจฟเป็นคนที่มีความสามารถสูง แล้วก็เขามี Taste และชอบอะไรเหมือนๆ กับผม เหมือนเป็นคนที่เราคุยด้วยรู้เรื่องแล้วยังเป็น Introvert เหมือนกันด้วยครับ ก็เลยได้มาร่วมงานกัน ส่วนเบคกี้ ผมเห็นการแสดงเขา และเขาแสดงเก่ง เลยเห็น Potential ตรงนั้น ดูแล้วเป็นคนที่ทุ่มเทในการที่จะทำอะไรบางอย่าง แล้วเขาก็เป็นเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกัน ดูจาก Personality ความสามารถ ความสบายใจที่จะทำงานด้วย ก็เลยคิดว่าตัวน้องสามารถ Delivery สิ่งที่ผมต้องการในซีรีส์ออกมาได้ เอาเป็นว่าผมชอบทำงานกับคนเก่ง คนที่สบายใจเมื่ออยู่ด้วย แล้วเขาก็ให้เกียรติเราด้วยครับ

คุณผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมายในวงการนี้ แต่คุณก็ยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างแข็งแกร่ง
การที่จะอยู่ในวงการนี้ได้นานมันจะต้อง Have the right mindset มีหลายคนที่ Give up หลายคนที่โดนโจมตีด้วยโซเชียลต่างๆ นานา ไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีนะครับ แต่ผมคิดว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ มีคำหนึ่งที่ผมเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กว่า “ไม่มี Key Maker คนไหนที่สร้างตัวล็อคขึ้นมาโดยที่ไม่สร้างกุญแจเอาไว้” เพราะฉะนั้นทุกล็อคจะมีกุญแจไว้ปลด ไม่ว่าผมจะเจอปัญหาอะไร หรือเจออุปสรรคอะไร ก็จะคิดเสมอว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็มีทางออกของมัน เดี๋ยวทุกอย่างจะถูกจัดสรรเองตามทางของมัน “ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดีเสมอ ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วมีเหตุผลเสมอ” การที่เราเจอเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่แย่ทั้งหมดไป มันอาจจะแย่ตอนนี้เพื่อบีบให้เราไปอีกเส้นทางหนึ่งที่ดีกว่า ครอบครัวเป็นตัวอย่างของผม คนรอบข้างก็เป็นตัวอย่างของผมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทักษะ Mindset ในการใช้ชีวิต เราเรียนรู้จากคนรอบข้าง
เคล็ดลับในการอยู่ในวงการนี้
ถามว่าทำไมถึงอยู่วงการมาได้ถึงตอนนี้ คือผมมักจะตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “What’s next?” ไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นตอนที่ตัวเองกำลังเงียบหายไปจากสื่อ หรือตอนที่ตัวเองกำลังบูม “What’s the next wave?” ตอนนี้ที่เราเงียบๆ ไป มันคือการเตรียมตัวเพื่อ Next wave เพราะวงการนี้มันเหมือนมีคลื่นตลอดเวลา เวลาที่กระแสเราเงียบ ผมจะไม่มานั่งคิดว่าทำไมไม่มีงานนั่นนี่ ผมจะสร้างรอไว้เลย เราต้อง Prepare ตัวเอง การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนตัวเองครับ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เรื่องภาษา การฝึกซ้อมต่างๆ การร้องเพลง การหาความรู้ อย่างผมจะทำโปรดักชั่น ผมก็ต้องไปคุยกับคนนั้นคนนี้ มีการประชุม พูดคุยกันครับ
สิ่งที่อยากจะบอกนักแสดงรุ่นใหม่
จริงๆ ก็ไม่รู้จะฝากอะไร เพราะน้องๆ รุ่นใหม่เขาก็เก่งๆ กันทั้งนั้น แต่อยากให้กำลังใจมากกว่าครับ เพราะวงการนี้มันไม่ง่ายเลย การแข่งขันต้องสูง Mentality ต้องแข็งแรง จิตใจเราต้องเข้มแข็ง เพราะเราต้องแบกรับคนมากมายที่เข้ามาหาเรา มาต่อว่าเรา ต้องรู้จักปล่อยวาง เราต้องแข็งแรง อ่อนแอไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะแพ้ครับ
#BAZAAREntertain #BAZAARInterview #MikeAngelo #VAMP