Tuesday, December 10, 2024
More

    สัมผัสรสชาติอาหารที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวที่ hom และ Jaras สองห้องอาหารสุดหรูในบรรยากาศธรรมชาติที่ InterContinental Phuket Resort

    on

    - Advertisement -

    คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงนักหากจะบอกว่า หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการมาเยือนโรงแรมสุดหรูอย่าง อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท นั่นคือการได้ลิ้มรสเมนูอาหารอันหลากหลายจากห้องอาหารและบาร์ที่มีเลือกถึง 5 แห่ง ซึ่งแต่ละร้านก็ล้วนมีเอกลักษณ์และเสน่ห์เฉพาะตัวในแบบที่นักชิมตัวจริงไม่ควรพลาด โดยในครั้งนี้ บาซาร์ขอพาผู้อ่านไปสัมผัสกับรสชาติอาหารที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวจากสองร้านอาหารไทยร่วมสมัยอย่าง hom (หอม) และ Jaras (จรัส) ในบรรยากาศสุดหรูที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงามและทิวทัศน์สุดตระการตา

    Hom Restaurant

    ห้องอาหาร หอม นับเป็นห้องอาหารที่มีความโดดเด่นในด้านการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก และการรังสรรค์เมนูอาหารจากการทดลองที่น่าตื่นเต้น โดยมีเชฟ ริคาร์โด นูเนส Executive Chef นำทีมมากความสามารถ ในการสร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ไร้ที่ติ ผ่านกระบวนการ Fementation แบบโบราณ (เทคนิคการหมักดองเพื่อชูรสชาติวัตถุดิบแบบธรรมชาติตามแบบโบราณ) ที่ทำให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ยังคงรสชาติดั้งเดิมของส่วนผสมไว้ได้ พร้อมให้ผู้ที่ชื่นชอบอาหาร fine-dining ได้มาสัมผัสบรรยากาศและลิ้มรสชาติผ่านเรื่องราวภายในพื้นที่ของ Sawan Pavillion ของอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท

    เชฟริคาร์โด นูเนส Executive Chef และทีมเชฟของห้องอาหาร Hom

    หอม ยึดแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นอันดับแรก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือการที่พวกเราต้องมีความเข้าใจตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงผลผลิตของวัตถุดิบที่เราสามารถหาได้บนเกาะภูเก็ตตลอดทั้งปีอย่างถ่องแท้” เชฟริคาร์โด นูเนส (Chef Ricardo Nunes) Chef de Cuisine แห่งห้องอาหารหอม กล่าว “กระบวนการสร้างสรรค์เมนูของเราเริ่มต้นตั้งแต่การลงพื้นที่เยี่ยมชมฟาร์มท้องถิ่น ให้พวกเราได้เรียนรู้และทำความรู้จักกับวัตถุดิบแต่ละชนิด เพื่อสามารถนำมาปรุงอาหารได้ในช่วงเวลาที่วัตถุดิบให้รสชาติที่ดีที่สุด และต่อยอดไปถึงการทดลองสร้างสรรค์และดึงรสชาติใหม่ๆ จากวัตถุดิบที่สามารถหามาได้ด้วยเทคนิค Fermentation

    รสชาติอาหารที่เปี่ยมด้วยเรื่องราว

    เริ่มต้นตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท แขกทุกคนจะได้เห็นถึงความตระการตาจากมนต์ขลังของสถาปัตยกรรมไทยของ Sawan Pavillion ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหารหอม โดยมีคุณปีเตอร์ ลูคัส (Peter Lucas) ผู้จัดการห้องอาหารและทีมงาน คอยต้อนรับทุกท่านเพื่ออกเดินทางสัมผัสเส้นทางของรสชาติที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราว ผ่านคำบอกเล่าของทีมงาน ให้ทุกท่านได้ซึมซับเรื่องราวและบรรยากาศ ขณะกำลังเดินไปยัง Sawan Pavillion ว่าด้วยเรื่องราวตำนานป่าหิมพานต์และดินแดนสวรรค์ ที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบทั้งภายนอกและภายในของอาคารสีขาวที่งดงามอันวิจิตรแห่งนี้

    ประกอบกับบรรยากาศทางเดินอันเงียบสงบที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี พร้อมไอน้ำที่เปรียบเสมือนหมอกควันบนก้อนเมฆที่ลอยอยู่จางๆ ทำให้แขกผู้มาเยือนรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนสรวงสวรรค์ สู่จุดหมายปลายทางห้องอาหารหอม ภายในห้องอาหารหอมถูกตกแต่งด้วยโทนสีเงินและขาวไข่มุกสร้างความแวววาว เพิ่มความหรูหราและน่าตื่นตาตื่นใจ เช่นเดียวกับโคมระย้าที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากดอกมณฑา ซึ่งต่อเนื่องมาจากคอนเซ็ปต์การออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากป่าหิมพานต์ หลังจากนั้นทุกท่านจะได้ก้าวเข้าสู่โลกของการสร้างสรรค์อาหารผ่าน Fermentation ซึ่งเป็นเทคนิคการปรุงอาหารที่สืบทอดมายาวนาน พร้อมสัมผัสรสชาตและการบริการที่น่าประทับใจที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในการเดินทางสู่ห้องอาหารหอมอีกครั้ง

    เมนูทึ่รังสรรค์ด้วยวัตถุดิบเป็นหัวใจสำคัญ

    ทีมห้องอาหารหอมได้คัดสรรและเลือกวัตถุดิบจากเกษตรกรหรือผู้ผลิตท้องถิ่น เพื่อรักษาสมดุลของเศรษกิจแบบยั่งยืนกับชุมชนท้องถิ่นและยังสามารถชูวัตถุดิบของท้องถิ่นสู่นักท่องเที่ยวหรือนักชิมจากทั่วทุกมุมโลก โดยมิตรภาพและความสัมพันธ์อันดีนี้ช่วยให้เกิดการแบ่งปันความรู้จากทั้งสองฝ่าย เกิดเป็นเกราะแข็งแกร่งเพื่อปกป้องทรัพยากรท้องถิ่นและป้องกันการผลิตที่มากเกินความจำเป็น หลังจากการเลือกสรรวัตถุดิบที่เติบโตหรืออยู่ใกล้เคียงเกาะภูเก็ตแล้ว ทีมจะทำการทดลองว่าเทคนิค Fermentation จะสามารถนำมาใช้เพื่อยกระดับวัตถุดิบจากกรรมวิธี Fermentation ในขณะที่ยังคงชูความเป็นธรรมชาติของส่วนผสมแต่ละชนิดได้อย่างไรบ้าง โดยมีคุณมาเทโอ โพลังโค (Mateo Polanco) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Fermentation ประจำห้องอาหารหอม เป็นเบื้องหลังผู้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับเชฟริคาร์โด ในการรังสรรค์รสชาติอาหารและเครื่องดื่มทุกเมนูที่จะนำเสนอภายในห้องอาหารหอมด้วยเทคนิค Fermentation เชฟริคาร์โดและคุณมาเทโอ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาและนำเสนอรสชาติใหม่ๆ บนพื้นฐานของการค้นหา ความสงสัย และความหลงใหล ที่จะนำพารสชาติและเมนูสุดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    ผลลัพธ์จึงออกมาเป็นคอร์สเทสติ้งเมนู 10 โมเมนต์ ที่ผสมผสานทุกรสชาติและความสร้างสรรค์ได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ โดยเป้าหมายสูงสุดของเชฟและทีมงานคือการสร้างความประทับใจเหนือความคาดหมาย ให้กับผู้ที่มารับประทานอาหารพร้อมเปิดประสาทการรับรสผ่านรสชาติใหม่ๆ จากวัตถุดิบที่คุ้นเคย

    ขณะที่ทุกท่านกำลังตื่นตาตื่นใจกับกรรมวิธี Fermentation อาหารภายในโถแก้วที่ตั้งเรียงรายอยู่บนชั้นวางสุดอลังการที่มีชื่อว่า Wall of Creativity ทีมงานของหอมจะเริ่มเสิร์ฟเครื่องดื่มเย็นๆ ในรูปแบบกระถางดอกไม้สีสันสดใสที่มีส่วนผสมของเสาวรส น้ำสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเกสรน้ำผึ้ง เพื่อเรียกความสดชื่นและเตรียมต่อมรับรสให้พร้อมก่อนจะเริ่มต้นด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง Ruby Pomelo ส้มโอทับทิมสีแดงสดหมักด้วยกุหลาบ ให้กลิ่นที่หอมหวนชวนให้คุณต้องตื่นเต้นไปกับการออกเดินทางสัมผัสรสชาติแปลกใหม่ตลอดทั้งมื้ออาหาร เตรียมรับรสสำหรับคอร์สถัดไป

    Ruby Pomelo

    ต่อเนื่องด้วยคอร์สที่สอง Coconut & Smoked Caviar คาเวียร์รมควันจากฟาร์มในหัวหิน เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าวที่ถูกตัดแต่งให้เป็นชามจากธรรมชาติ พร้อมซอสแมคคาดิเมียพูเรและลูกตาลดอง แนะนำให้คุณขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนก่อนคลุกเคล้าคาเวียร์ให้เข้ากันก่อนรับประทาน เพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติของความสดใหม่ของมะพร้าว แทรกด้วยมิติรสชาติเฉพาะตัวจากคาเวียร์ที่เข้ากันลงตัว  

    Coconut & Smoked Caviar

    ตามมาด้วย Baby Squid หมึกกะตอยปรุงสุกในเนยยีสต์ เสิร์ฟมาพร้อมน้ำซุปจากหมึกและใบเมี่ยงดอง น้ำซุปสีใสที่เปี่ยมด้วยรสชาติ แทรกความหวานบางๆจากตัวหมึก Wild Boar หมูป่าที่ผ่านกรรมวิธีการหมักเสิร์ฟพร้อมซอสข้าวบาร์เลย์ โคจิเข้มข้น และทุเรียนดำ การหมักเนื้อหมู จะทำให้ได้เนื้อหมูที่รสชาติเค็มกำลังดี อร่อยได้โดยกระบวนการธรรมชาติไม่ต้องปรุงรส

    Baby Squid
    Wild Boar
    Rock Lobster & Kumquat Kosho

    ปิดท้ายด้วยของหวานที่จะเสิร์ฟถึงสองโมเมนต์ โดยหนึ่งในนั้นจะเป็น Sunflower ของหวานหน้าตาสวยงามเสิร์ฟมาบนดอกทานตะวันสด ประกอบด้วยเมล็ดทานตะวันอามาซาเกะพาร์เฟ่ต์ โรยหน้าด้วยเกสรผึ้งที่ให้ความกรุบกรอบ ให้รสชาติที่เป็นธรรมชาติ และทำให้รู้สึกสดชื่นในทุกคำ

    Sunflower

    นอกจากนี้ หอม ยังพร้อมนำเสนอโปรแกรมเครื่องดื่มจากกระบวนการหมักที่ทางร้านทำเองโดยเชฟมาเทโอ เพื่อเติมเต็มมื้ออาหารนี้ได้อย่างไร้ที่ติ รวมถึงตัวเลือกการจับคู่ไวน์กับอาหารจากทั้งไวน์แบบเนเชอรัล ออแกนิค และไบโอไดนามิก โดยเทสติ้งเมนู 10 โมเมนต์ ราคา 3,750++ บาท ต่อท่าน ตัวเลือกเครื่องดื่มแพร์ริ่งสามารถเลือกได้ทั้งแบบเครื่องดื่มหมัก 950++ บาทต่อท่าน และไวน์แพร์ริ่ง 2,750++ บาทต่อท่าน สำรองที่นั่งได้ทาง www.hom-restaurant.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางอีเมล info@hom-restaurant.com และติดตามข่าวสารอื่น ๆ ของห้องอาหาร หอม ได้ที่อินสตาแกรม @homrestaurant เปิดให้บริการทุกวันอังคารถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18:30 น.

    จากห้องอาหาร หอม บาซาร์ขอพาผู้อ่านมาต่อกันที่ห้องอาหาร จรัส ห้องอาหารไทยร่วมสมัยที่มาพร้อมความมุ่งมั่นในการก้าวสู่ gastronomy อย่างยั่งยืนด้วยความร่วมมือจากท้องถิ่น มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า gastronomy อย่างยั่งยืนคืออะไร? Gastronomy ก็คือรูปแบบการปรุงอาหารของภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ซึ่งเป็นการแสดงออกทางวัฒนธรรมของความหลากหลายทางธรรมชาติและวัฒนธรรมของโลก ความยั่งยืนพิจารณาถึงวิธีการดำเนินกระบวนการในลักษณะที่ไม่สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติและสามารถดำเนินต่อไปในอนาคตได้โดยไม่มีผลกระทบใดๆ ดังนั้น gastronomy อย่างยั่งยืนจึงคำนึงถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบ วิธีการผลิต และวิธีการส่งมอบไปยังตลาดในท้องถิ่น และท้ายที่สุดคือบนจานของเรา (ที่มา: UN FAO) ที่ จรัส ความพยายามของเราหมุนรอบปรัชญาหลักสองประการ:

    ความร่วมมือที่เป็นผู้บุกเบิก

    ห้องอาหาร จรัส ก้าวไปอีกขั้นใน gastronomy อย่างยั่งยืน โดยริเริ่มโครงการกับกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) – ประเทศไทย ความร่วมมือที่ก้าวล้ำนี้มุ่งเน้นไปที่การวิจัยศักยภาพของพืชและสัตว์รุกราน ซึ่งเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก (AAN) ให้คำแนะนำสำหรับการใช้ประโยชน์ทางพฤกษศาสตร์ชาติพันธุ์เป็นส่วนผสมอาหารชั้นเลิศ ด้วยการใช้ประโยชน์จากชนิดพันธุ์รุกรานเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำอาหาร จรัสจึงมุ่งหมายที่จะขัดขวางห่วงโซ่อาหารตามธรรมชาติและควบคุมผลกระทบด้านลบต่อระบบนิเวศ

    ชนิดพันธุ์รุกราน

    ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านความหลากหลายทางชีวภาพ กำลังเผชิญกับการรุกรานอย่างเงียบๆ พืชและสัตว์ต่างถิ่นหรือที่เรียกว่าชนิดพันธุ์รุกราน กำลังรุกล้ำเข้าสู่ระบบนิเวศ ผู้บุกรุกเหล่านี้คุกคามสัตว์ป่าในท้องถิ่น การเกษตร และเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ที่ จรัส เมนูชิมอาหารอย่างยั่งยืนที่ไม่เหมือนใครได้รวมเอาชนิดพันธุ์รุกรานเหล่านี้จำนวนหนึ่งเข้าไว้ด้วยกัน โดยหวังว่าจะช่วยส่งผลดีต่อระบบนิเวศด้วยการกำจัดพวกมันออกไป พร้อมกับสร้างความตระหนักเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้น

    การบริโภคอาหารท้องถิ่นอย่างจริงจัง (Hyper-Locavorism)

    ห้องอาหาร จรัส จัดหาวัตถุดิบจากฟาร์มและการประมงในท้องถิ่น เพื่อให้มั่นใจว่าผลผลิตของเราสดใหม่ตามฤดูกาลและสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่น แนวปฏิบัตินี้ช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของห้องอาหารและส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับชุมชน จรัสใช้ผักจากฟาร์ม 100%

    การปรุงอาหารแบบไม่เหลือทิ้ง (Zero-Waste Cooking)

    ห้องอาหาร จรัส ทุ่มเทเพื่อลดขยะให้น้อยที่สุดผ่านเทคนิคการปรุงอาหารที่เป็นนวัตกรรมและการปฏิบัติอย่างมีสติ ด้วยการใช้ทุกส่วนของส่วนผสมและนำของเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ จึงสามารถมีส่วนร่วมในประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น

    การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

    ความสัมพันธ์ของห้องอาหาร จรัส กับเกษตรกร ชาวประมง และช่างฝีมือในท้องถิ่น ทำให้มั่นใจได้ว่า ห้องอาหารจัดหาวัตถุดิบคุณภาพสูงที่มาจากแหล่งที่ถูกต้องตามหลักจริยธรรม สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสดใหม่ให้กับอาหารของจรัสและสนับสนุนการดำรงชีวิตของผู้ผลิตในท้องถิ่น เครื่องทำปุ๋ยหมัก Oklin ดำเนินการกับขยะอาหารเกือบ 125 กิโลกรัมต่อวัน เปลี่ยนเป็นปุ๋ยธรรมชาติคุณภาพสูง 750 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งแบ่งปันกลับไปยังฟาร์มพันธมิตรของจรัส แจกจ่ายให้กับชุมชนท้องถิ่น และใช้ในสถานที่สำหรับจัดสวนรีสอร์ท

    เทคนิคการทำอาหารที่เป็นนวัตกรรม

    เชฟของห้องอาหาร จรัส สำรวจวิธีการใหม ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรสชาติควบคู่ไปกับการรักษาความยั่งยืน มีการใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การหมัก การดอง และการรมควัน เพื่อสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษที่น่าจดจำ

    อาคารได้รับการรับรอง LEED Gold จากสภาอาคารสีเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา

    จรัสตั้งอยู่ในอาคารที่ได้รับการรับรอง LEED Gold ซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทของเรา ด้วยสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่สร้างขึ้นจากวัสดุที่ยั่งยืน สอดคล้องกับความเงียบสงบของภูมิทัศน์ในท้องถิ่น

    ห้องอาหาร จรัส เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 12:00 น. – 22:00 น. เมนู อะ ลา คาร์ท เปิดให้บริการเวลา 12:00 น. – 22:00 น. และมื้อค่ำ 9 คอร์ส เปิดให้บริการเวลา 18:00 น. – 22:00 น. สำหรับ คอร์ส เทสติง เมนู มื้อค่ำ 9 คอร์ส ราคา 3,450++ บาทต่อท่าน จับคู่เครื่องดื่ม ราคา 2,150++ บาทต่อท่าน (กรุณาสำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเข้าใช้บริการ และห้องอาหารจรัสยินดีต้อนรับแขกที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป)