ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใด ความงามและคุณค่าของผู้หญิงก็เป็นสิ่งที่ผู้คนหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันในสังคมเสมอ และหลายครั้งที่ความงามได้ถูกถ่ายทอดผ่านงานศิลป์ในรูปแบบของจิตรกรรม ประติมากรรม ตลอดจนยุคใหม่ในรูปแบบของดิจิทัล จะตกเป็นประเด็นในแง่ของความถูกต้อง เส้นแบ่งที่แสนเบาบางระหว่างศิลปะและศีลธรรมถูกขยับเขยื้อน ถูกตัดขา และถูกปกป้องโดยผู้คนจากหลากหลายที่มา หลากหลายความคิดมาโดยตลอด เมื่อไม่นานมานี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับศิลปินท่านหนึ่งที่กำลังเตรียมจัดแสดงผลงานของตนเอง และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้รู้จักกับผู้หญิงที่มีชีวิตที่น่าทึ่ง นามว่า แพตตี้ ปณิชา วัฒนพฤกษชาติ ผู้โลดแล่นอยู่ในวงการศิลปะในฐานะนางแบบเปลือยที่ปรากฏในผลงานของศิลปินแถวหน้าของวงการหลายท่าน

“ตอนแรกผมให้คุณแพตมาเป็นแบบนู้ดให้ในงาน Anatomy Impression เป็นเวิร์กช็อปครับ พอคุยกันก็ได้รู้ว่าเธอมีความรู้มาก เป็นผู้หญิงที่อินกับศิลปะมาก คุณแพตชอบแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะในโปรไฟล์ของเธออยู่เรื่อยๆ มีอยู่วันหนึ่งเธอส่งรูป Body Painting ในหัวข้อ Kintsugi มาให้ดู ประกอบกับช่วงนั้นจิตใจเรากำลังพังอยู่ เหมือนไปทำงานมาแล้วมีปัญหา มีดราม่า ในเวลาเดียวกันน้องเองก็โดนกระแสลบเกี่ยวกับการเป็นนางแบบมาเหมือนกัน เราจึงได้ร่วมงานกันครับ” ไผ่ ธนสาร คณะเกษม หรือที่รู้จักกันในแวดวงศิลปินรุ่นใหม่ว่า Phai Tanasan ได้เปิดการสนทนากับเรา ซึ่ง Kintsugi นั้นมาจากศิลปะดั้งเดิมของการซ่อมแซมสิ่งต่างๆ ด้วยทองและยางไม้ของญี่ปุ่น ซึ่งเดิมทีคือการซ่อมแซมพวกถ้วยชาม ตามความเชื่อว่าของใช้เหล่านั้นเมื่อแตกไม่ควรโยนทิ้ง แต่ควรซ่อมแซมเพื่อให้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง สิ่งที่ถูกซ่อมแซมเหล่านั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและสะท้อนถึงปรัชญาการใช้ชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง “ด้วยความที่เราอยู่ในสังคมไทย และเราเป็นนางแบบนู้ด เราจะโดนกระแสตอบรับที่รุนแรงมาเรื่อยๆ แต่เราก็ผ่านจุดนั้นมาได้ พอเห็นงาน Kintsugi เราก็เลยไปให้คุณไผ่ดู” แพตตี้ ที่มีชื่อในวงการว่า Patty Panicha กล่าวเสริมกับเรา “ก็คือในงาน Kintsugi ผมใช้คำว่า Pai Tanasan x Patty Panicha เพราะคุณแพตเป็นคนเริ่มให้ไอเดีย โจทย์คือชามที่แตกและถูกซ่อมแซม แม้จะมีรอยร้าวก็สวยงาม เราจะแปลงมาเป็นศิลปะในแบบของเราได้อย่างไรบ้าง การที่เราโดนว่า แต่เราได้เปลือยตัวตนของเราออกมา บางทีมันอาจจะเป็นการเอาชนะคำพูดคนและงดงามในแบบของเราได้ ผมก็สื่อออกมาเป็นทั้งภาพถ่าย วิดีโอ ออกมาตั้งแต่ภาพที่แตกสลาย จนสุดท้ายผมได้ Paint บนร่างกายคุณแพต จนออกมาเป็นงานที่สวยงาม ราวกับการได้เกิดใหม่ เหมือนคุณแพตก็ได้แสดงความภูมิใจกับตัวเอง ส่วนผมก็ได้ซ่อมแซมศิลปะชิ้นนี้ด้วยตัวเอง เหมือนเป็นการซ่อมแซมจิตใจของแต่ละคนด้วยครับ ขั้นตอนสุดท้ายคืองาน Painting ภาพที่ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน


“แพตจัดการกับความรู้สึกได้ในระดับหนึ่ง” หญิงสาวกล่าวกับเราถึงเวลาที่เธอโดนโจมตีด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ “แต่พอโดนโจมตีเข้าจริงๆ จะเป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง รู้สึกจริงมากว่าเขาไม่ชอบเราจริงๆ ต้องถามตัวเองว่าเขาอยากให้เราหยุดทำเรื่องนี้จริงๆ เหรอ พอเราคิดกับตัวเองอีกทีว่ามันก็แค่คำพูดในช่วงเวลาหนึ่ง แล้วหลังจากนั้นเขาก็คงลืมเราไปเลย แต่เราก็ยังชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้ งั้นเราไม่ต้องไปแคร์มากดีไหม ซึ่งเวลาได้ยินเรื่องพวกนี้ ถ้ามาจากสื่ออื่นๆ โซเชียล คนไกลตัวก็ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่มาจากญาติ คนใกล้ตัว ซึ่งเขาอาจจะห่วงเรา กลัวมีอันตรายกับเรา เราจะรู้สึกไม่ถูกยอมรับ คือถ้าเป็นคนใกล้ตัว มันจะรู้สึกมากกว่าโลกโซเชียล แต่ตอนนี้เราก็เคลียร์ใจกับเขาแล้ว ก็เหมือนจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว” เธอกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่เหมือนคนที่กำลังเศร้าหรือยินดี สิ่งที่เราสัมผัสได้คือตัวตนของผู้หญิงคนหนึ่งที่จริงใจกับความรู้สึกของตัวเองในแบบที่ไม่ต้องพยายามทำให้ใครมาประทับใจในตัวตนของเธอ “ที่จริงคุณแพตก็ทำงานศิลปะด้วยนะครับ แต่เพราะต้องทำงานกับศิลปินระดับประเทศหลายๆ คน เธอเลยไม่ค่อยอยากจะนำมันออกมาให้เราเห็นเลย!” คุณไผ่กล่าวและทำให้บรรยากาศกลับมาสนุกสนานขึ้นอีกหน่อย “แพตถนัดงานสเก็ตช์ค่ะ แล้วก็อ่านงานวิจารณ์ศิลป์เยอะ เป็นแนวเสพมากกว่า เวลาเรามีไอเดียก็เลยส่งต่อให้ศิลปินที่รู้จัก และมีโอกาสได้ทำงานกันมาค่ะ แต่ก็หวังว่าสักวันจะได้แสดงงานตัวเองเช่นกันค่ะ” บัณฑิตคณะศิลปกรรมศาสตร์และวัฒนธรรมศาสตร์ สาขาวิชาทัศนศิลป์ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคามกล่าวกับเรา

นอกจากงานของคุณไผ่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้คุณแพตยังได้ทำหน้าที่เป็นหุ่นปั้นให้กับประติมากรชื่อดังอย่าง นที เกวลกุล ศิลปินระดับปรมาจารย์ที่ได้ชื่อว่าสามารถสลักหินอ่อนได้อย่างอ่อนช้อยที่สุด ทั้งยังเป็นผู้ปั้นประติมากรรมของราชวงศ์อีกหลายพระองค์ คุณแพตได้กล่าวถึงการทำงานครั้งนี้ว่า “จริงๆ แพตกับคุณนทีเราเป็นกลุ่มคนรักศิลปะกลุ่มเดียวกันอยู่แล้วค่ะ คือกลุ่ม Art Lovers พอหาเวลาว่างตรงกันก็เลยนัดกันไปสร้างผลงาน แต่กลับกลายเป็นว่าพอโพสต์ผลงานชิ้นนี้ไปทางโซเชียล ก็มีคนสนใจเยอะมาก มีคนถามเยอะมาก ตอนเข้าไปในสตูดิโอครั้งแรก บรรยากาศให้ความรู้สึกถึงความเป็น Professional ของเขาจริงๆ ค่ะ คือพอเข้าไปแล้วจะรู้สึกได้จากเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ แค่เราเดินเข้าไปก็สัมผัสได้แล้วว่าเขาต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มงานเลยค่ะ” คุณแพตเล่าอย่างตื่นเต้น “พอตอนเริ่มปั้นงานคือเป็นการนำประสบการณ์การเป็นแบบปั้นของแพตอีกรอบหนึ่งเหมือนกันค่ะ คือตอนเป็นแบบวาดรูปในคลาสหรือเวิร์กช็อป ปกติก็โพสต์นิ่งๆ พักแล้วก็กลับมาใหม่ แต่คุณนที เราจะต้องโพสต์อีกแบบ มีการจัดวางท่าทาง เหมือนเรากำลังจะต้องย่างก้าว หรือทำอะไรสักอย่าง มีจุดมาร์คที่แน่นอน มือวางตรงนี้ แบบ 100% ทุกครั้งที่กลับไปโพสต์ งานนี้ใช้เวลา 1 วันเต็มๆ เลยค่ะ” ผลงานดินปั้นขนาดเล็กของหญิงสาวที่ไร้อาภรณ์กำลังวางท่าทางของเธอบนบาร์คล้ายกับภาพของนักบัลเล่ต์กลายเป็นที่ชื่นชมของผู้คนที่รู้จักคุณนทีเป็นอย่างดี “งานนี้ไม่ได้มีคอนเซ็ปต์อะไรเลย เราปล่อยให้ผลงานมันเล่าเรื่องในตัวเองค่ะ” หญิงสาวต้นแบบกล่าวกับเรา




ย้อนกลับไปถึงการทำงานในการเป็นแบบเปลือยครั้งแรก คุณแพตเล่าว่าเธอเองก็มีความกังวลไม่ต่างกับคนอื่น “ครั้งแรกที่เป็นนางแบบนู้ด มีรุ่นพี่ที่รู้จักชวนไปเป็นแบบให้ที่ Matdot Studio หรือ Matdot Art Center ของคุณหน่อง ธวัชชัย สมคง เราก็ดูชื่อศิลปินก่อนว่าเป็นใครบ้าง พอเห็นว่าเป็นศิลปินระดับประเทศหลายท่าน ด้วยความที่เป็นงานแรก เราก็สบายใจไปได้ระดับหนึ่ง งานนั้นมีอาจารย์หลายๆ ท่านที่เราก็ติดตามอยู่ เราทราบว่าเป็นกลุ่มที่วาดผู้หญิงอยู่แล้ว ก็รู้สึกปลอดภัยค่ะ” ในฐานะนางแบบเปลือย เธอได้กล่าวถึงการเตรียมตัวก่อนที่จะไปเป็นแบบต่อหน้าศิลปินให้เราฟัง “การเตรียมตัวในการเป็นนางแบบนู้ดก็ปกติค่ะ เราต้องดูแลผิวพรรณตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ที่สำคัญคือการ Grooming เรื่องเส้นขนตามร่างกาย ซึ่งแต่ละครั้งคอนเซ็ปต์ของงานก็แตกต่างกันออกไป บางงานให้เก็บ บางงานให้เป็นธรรมชาติ” แม้การเป็นแบบจะต้องอยู่นิ่งๆ เป็นเวลานาน แต่เธอไม่ได้กล่าวว่าเธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอะไร “เวลาที่ยืนเป็นหุ่น มันเป็นการอยู่นิ่งๆ ก็จริง แต่เวลาอยู่ตรงนั้น ขึ้นไปเป็นแบบนู้ด เราจะเห็นศิลปินทุกคน เห็นสายตาที่จ้องมองมา มันน่าสนใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขาวาดถึงไหนแล้ว เวลาไปพักเราก็จะเดินไปดูว่าเขาใช้สีอะไร เหมือนเห็นกระจกอีกด้านหนึ่งที่เราไม่เคยเห็น เห็นบรรยากาศรอบตัวเราเป็นสีนั้นสีนี้ ความแตกต่างของศิลปิน การใช้สี การจับคาแรกเตอร์ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน มันหลากหลายมาก แตกต่างกันไปหมดเลยแม้มุมจะต่างกันเล็กน้อย”

“เรารู้สึกว่าภูมิใจที่เขาให้เกียรติเราไปอยู่ในงานของเขา เขาใช้เราไปเป็นงานศิลปะ มองเราเป็นศิลปะ เวลามีคนบอกว่ารูปที่เราเป็นแบบไปตั้งอยู่ที่แกลเลอรี่ต่างๆ เราก็รู้สึกขอบคุณเขามากๆ” หญิงสาวผู้มอบความงามของเธอให้กับงานศิลปะกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เธอยังฝากไปถึงคนที่อยากลองเป็นนางแบบในงานศิลป์แบบเธออีกด้วยว่า “การที่เราได้มาเป็นนางแบบในงานศิลปะ มันคือการบอกว่าอะไรคือความงาม ถ้ามีนางแบบที่มีความหลากหลายก็จะดีค่ะ ดีกว่าวนอยู่แค่คนเดิม ถ้าใครอยากจะมาทำตรงนี้ ก็ให้ลองหาช่องทางของตัวเองดูก็ได้ ลองพูดคุยหรือติดต่อศิลปินสักคนที่เราเข้าถึงได้ ทำให้เขามองเห็นตัวเรามากขึ้น บอกกับเขาว่าเราสามารถร่วมงานกับคุณได้ เรายอมรับในการทำงานตรงนี้ได้ ศิลปินก็จะทราบแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ยอมรับในการทำงานตรงนี้ ที่จริงมันก็ยากเพราะบางคนก็ไม่รู้ว่าศิลปินเลือกนางแบบอย่างไร แต่ก็ต้องลองหาโอกาสให้ตัวเองดูค่ะ”


ในฐานะผู้หญิงที่เป็นคนทำงานศิลปะ เธอฝากไปถึงผู้หญิงทั้งในวงการและนอกวงการว่า “ผู้หญิงเรามักถูกมองเรื่องความงาม การวางตัว ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกว่าทำไมเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีพอสักที ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับทุกวงการ อย่าไปฟังค่ะ ให้เชื่อตัวเอง ทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำ อย่าไปทำร้ายคนอื่นก็พอ” ก่อนจากกันเธอยังได้ฝากถึงงานเวิร์กช็อปที่เธอจัดขึ้นเองว่า “ที่ผ่านมา แพตมีจัดเวิร์กช็อปวาดรูปนู้ดในต่างจังหวัดอย่างในมหาสารคามค่ะ ซึ่งกรุงเทพฯ แพตว่ามีคนจัดค่อนข้างเยอะแล้ว เราเลยไปจัดที่มหาวิทยาลัยสารคามบ้าง เร็วๆ นี้ก็อาจมีเวิร์กช็อปงานปั้นกับคุณนที รอติดตามชมกันด้วยนะคะ” เธอฝากรอยยิ้มเล็กๆ ทิ้งท้ายไว้กับเรา

#BAZAARArt #NateeKev #PattyPanicha #PhaiTanasarn
#Nude #NudeArt
#นทีเกวลกุล #ไผ่ธนสาร #แพตตี้ปณิชา