เข้าช่วงเวลาแห่ง Pride Month แล้ว นี่เป็นโอกาสที่เราจะได้พูดคุยกับหนึ่งในผู้ที่เป็นแรงบันดาลใจของชาว LGBTQIA+ นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ที่ยืนหยัดอยู่ในวงการและแสดงตัวตนออกมาอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด วันนี้เขายังคงเป็น Gene Kasidit ที่เราชื่นชม และรอฟังผลงานใหม่จากตัวตนของเขา
ช่วงชีวิตของ Gene Kasidit หลังผ่านยุคโควิด
เหมือนเป็นการเริ่มใหม่เลย เพราะหลังโควิดมาสิ่งรอบตัวก็เหมือนมีอะไรมากมายเกิดขึ้น คำถามก็เยอะขึ้น ในวงการเพลงก็เหมือนต้องเริ่มใหม่ ต้องเปลี่ยน Way ใหม่ในการที่จะอยู่รอดได้ ช่วงโควิดพี่ใช้เวลาช่วงนั้น เริ่มทำเพลงเอง โปรดิวซ์ให้แฟชั่นโชว์หลายๆ อัน ทำเพลงโฆษณาบ้าง ทำเพลงอีกโปรเจ็กต์หนึ่งให้ตัวเองด้วย ทำเพลงให้คนโน้นคนนี้อีกมากมาย ก็เลยได้ฝึกปรือการใช้คอมพิวเตอร์ โปรแกรมเพลงคอมพิวเตอร์ต่างๆ หัดจำคีย์บอร์ด เพราะเราลืมไปหมดแล้วว่าคอร์ดแต่ละคอร์ดเล่นอย่างไร แล้วก็เหมือนได้ค้นพบสนามเด็กเล่น ก็เลยได้เข้าใจว่าการทำเพลงที่ดีงาม หรือว่าที่ถูกใจเรามันไม่มีจุดจบจริงๆ ขนาดเขาโทรมาตามก็แล้ว ให้ส่งได้แล้ว ก็รู้สึกว่ายังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ แต่ก็ต้องตัดใจว่าส่งได้แล้ว
ช่วงโควิดมันเลยเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ของพี่ ตอนหลังเลยเข้าใจว่าทำไมโปรดิวเซอร์เขาถึงทำเพลงๆ หนึ่งช้ามาก เมื่อก่อนเคยไปปรี๊ดเขา ทำช้าจัง ดูไม่ยากเลย โน่นนี่นั่น พอทำเองตอนนี้รู้เลยว่า คนที่ยิ่งให้รายละเอียดกับความสวยงาม ความเพราะมากแค่ไหน ก็ยิ่งใช้เวลามากเท่านั้น เสียงเล็กๆ เสียงเครื่องเคาะสักเครื่องจะให้มันก้องแค่ไหน เสียงซินธิไซเซอร์ แล้วก็เหมือนกับว่าอุบัติเหตุจากการทำเพลงประกอบแฟชั่นโชว์ทั้งหลายแหล่ จู่ๆ มันก็ทำให้เกิดเพลงบางเพลงที่มันเอามาต่อยอดเป็นของเราได้หลายเพลงเหมือนกัน
Music Meets Fashion
เพื่อความถูกต้องในยุคลิขสิทธิ์นี่ โชคดีที่ประเทศไทยก็ทำตามชาวโลกนะ มันหมดยุคที่แฟชั่นโชว์จะเอาดีเจมามิกซ์เพลงเฉยๆ แล้ว เขาก็เลยต้องจ้างคนทำเพลงขึ้นมาใหม่ พี่ก็โชคดีที่เคยทำงานกับพี่อาร์ต อารยา มาก่อน เขาก็แจกโจทย์มาว่าอยากได้เป็นแบบนี้ แล้วเราก็จะได้เรียนรู้ว่าการสื่อสารเรื่องเพลงกับชาวแฟชั่นมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มันต้องตีโจทย์ให้ได้ว่าต้องการฟีลลิ่งแบบไหน ทั้งหมดทั้งปวงก็เลยคิดว่า สิ่งที่ทำให้คนไม่เข้าใจกันก็คือการสื่อสารแบบไม่เคลียร์ที่สุด พอเขาไว้ใจเรา บางครั้งก็ไม่มีแม้กระทั่งโจทย์ให้เรา ให้เราไปแตกเอง อิสรภาพบางทีมันก็ยากกว่าการที่มีกรอบนิดหนึ่ง แล้วพี่ก็เป็นบ้าถึงขนาดพอทำเสร็จแล้วพี่ก็ต้องไปลองกับลำโพงทุกแบบ ทุกฟอร์แมต มือถือ ลำโพงบลูทูธ หรือว่าลำโพงใหญ่ มันก็ไม่เหมือนกันสักอัน แล้วฉันจะอยู่ตรงไหนดีนะ
แผนการชีวิตช่วง Pride Month
ในความคิดพี่ Pride มันคือการ Celebrate ในการ Celebrate ที่แบบว่า จริงๆ แล้วชีวิตมันก็คือ Celebration เป็นคนที่มีความรู้สึกว่า เรื่องแย่ๆ อะไรมันก็มีเยอะ แต่ว่าถ้าเกิดเราตัดอะไรแบบนั้นออกไปแล้วเราก็ Celebrate ดนตรี เต้นรำ เรื่องแบบง่ายๆ มันก็น่าจะพอ ไม่ต้องมีสีอะไรมาบอก มันก็ต้องแยกให้ถูกว่า What is your Pride? คำว่า Pride คืออะไร อย่างพี่ Pride ก็คือทุกวันฉันรู้สึกเป็นตัวตนของฉันแค่นั้น คนอื่นไม่ถือมันก็โอเค แต่เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็แปลว่าตัวเองน่าจะเดือดร้อนสุด สมมติแต่งตัวแบบตั้งใจว่าจะไปฆ่าชาวบ้าน เราก็ต้องยอมรับสิ่งที่เราจะเจอบนรถไฟฟ้าหรือตามถนน
ด้วยความที่เราเป็นแบบนี้ก็เลยเหมือนหน้าพี่จะเขียนว่า Diversity ไว้ตลอดเวลา แต่จริงๆ สำหรับพี่แล้วคิดว่าความภูมิใจที่เราเป็นมนุษย์ที่สามารถทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าไม่ตะขิดตะขวงใจ แล้วแฮปปี้ก็คือ Pride แล้ว
บางทีความหมู่มากมันก็เต็มไปด้วยความแปลกแยก เต็มไปด้วยทางแยก อะไรเต็มไปหมด ประโยคเด็ดที่ชอบพูดมากคือไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามแต่ จะเป็นสีอะไร เพศอะไรก็ตามแต่ ถ้าเกิดฉันไม่ชอบเธอ ฉันก็ไม่ชอบเธอ มันก็จบ แล้วเราก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า เราไม่ควร Expect ว่าเขาจะมาชอบเรา ต้องยอมรับตรงนั้นให้ได้ เราก็จะอยู่ด้วยกันอย่างมีสันติภาพ
ผลงานใหม่ในปี 2024
ผลงานเพลงที่จะได้ชมเร็วๆ นี้ จริงๆ มีผลงานหนึ่่งที่ชื่อว่า Kasidit เคยให้สัมภาษณ์ไปนานแล้ว ตั้งแต่ก่อนโควิด แต่ตอนนั้นเรารู้สึกว่าอาจจะยังไม่พร้อมก็เลยได้เรียนรู้ในช่วงที่ว่างๆ แต่ว่าตอนนี้โปรเจกต์ที่ชื่อว่า Kasidit นี่พร้อมแล้ว เดี๋ยวน่าจะออกมาทีละนิดๆ แต่โปรเจกต์ Kasidit และ Gene Kasidit จริงๆ แล้วคือคนละโปรเจกต์กัน ตอนนี้ก็กำลังทำอัลบั้มที่ 3 อยู่ ของ Kasidit จะเป็นโปรเจกต์ที่เราทำเพลงเอง มันเหมือนกับการปลดแอกเลิกทาสกับใดๆ ซึ่งโดยมีเพลงเป็นศูนย์กลางของคำตอบว่าความสุขของเราคือตรงไหน เราไม่แคร์อะไร แต่ตอนนี้ ยุคนี้ ต่อให้ทำเพลงดี ถูกใจตัวเองแค่ไหน แต่ว่าถ้าไม่ทำอะไร ไม่มีคนช่วยโปรโมทก็ไม่ได้ คือเราอยากให้คนได้ฟังเพลงที่เราทำแล้วรู้สึกว่ามีความสุข เราอยากจะแชร์ๆ ออกไปให้คนฟังเยอะๆ อยากให้มันเป็นฟรีด้วยซ้ำ
Gene VS. Gene Kasidit
‘Gene Kasidit’ เหมือนจะมีเส้นทางที่ชัดเจน เป็น ‘Electro Pop’ ในอาณาเขตนี้ ส่วน Kasidit จะเป็นคนที่แบบไม่มีอาณาเขตใดๆ ไม่มี Border ไม่มีข้อจำกัด ไม่มีเพศ ไม่มีอะไร มันเกินกว่าคำว่า Diversity เขาเรียกว่าเป็นการ Unlock บางสิ่งเพื่อไม่ให้มันกลายเป็นบางสิ่ง
Concept การแต่งตัวในผลงานใหม่
มันจะไม่มี Concept อะไรมาก ตอนแรกก็กะว่าจะปล่อยวาง แต่อันนี้มันคือ ‘Gene Kasidit ไง แต่คุณ ‘Kasidit’ เขาจะเป็นอะไรที่แบบไม่ค่อยบอกเพศเท่าไหร่ Sci-Fi Electronica นั่นคือ Theme ของ Kasidit มันคือการบวกหลายๆ เผ่าพันธุ์ในโลก Sci-Fi กับในเพลง Electronica เข้าด้วยกัน
Gene Kasidit กับความสัมพันธ์โรแมนติก
จริงๆ ถ้าเมื่อก่อนอยู่ในโหมดที่แบบว่า ไม่! ฉันคนเดียวของฉันได้ มันก็จะเป็นช่วงที่ เรามักจะสงสัยว่าความโรแมนติกมันควรจะเป็นอย่างนี้เหรอ? จากหนังรอมคอมที่ดูมามากมาย ชีวิตมันไม่ได้เป็น Carrie Bradshaw หรืออะไรแบบนั้นไง มันไม่ใช่แบบ My Best Friend Wedding เพศ Alternative อย่างพี่จีนนี่จะแต่งหญิงเฉยๆ แต่ว่าไม่ได้เป็น Transgender นะ มันก็คือความสุขในการแต่งตัวมากกว่า มันยากมากที่จะมีคนออกไปเดทด้วยกันข้างนอก ส่วนใหญ่จะเป็นแบบปิดประตู จุ๊ๆ เท่านั้น ห้ามบอกนะ เป็นความลับ เราก็เลยยอมรับตรงนั้น แล้วมันก็ได้แค่นั้น แต่แล้ววันหนึ่งเราเจอคนที่สามารถออกไปในแสงไฟได้นี่ ถ้าวันหนึ่งเราเจอคนที่พร้อมจะไปยืนบน Red Carpet เราก็ควรจะรักเขามั้ย?
ชีวิตรักของ Gene Kasidit
ก็แบบตายายค่ะหนู พี่ค้นพบ Soulmate มาตั้งแต่ปี 2015 ค่ะ แล้วก็คือรักกันมา เพราะว่าเราไม่เคยเจอใครที่รู้สึกว่าเป็น Soulmate ทั้งคู่ก็เลย ส่วนตัวนี้คือเขาก็คือคนแรกจริงๆ แล้วคนสุดท้ายที่แบบไม่มีอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็คือมีไม่กี่คนที่ถือว่าเป็นคนรัก อาจเพราะเมื่อก่อนเราจะเป็นคนเจ้าชู้ แล้วพอตอนเราเป็นโสด เราก็จะได้ใช้ชีวิตคู่บ้าง คือทุกอย่างที่มันเกี่ยวกับอัลบั้ม Blonde นี่มันมาจากความจริง คือการไปเที่ยวกลางคืน หรืออะไรเหล่านั้น แล้วก็ไปเจอพี่ Tommy เขาเป็นชาวเวลส์ จริงๆ บ้านที่เขาอยู่ที่เวลส์น่ารักมาก เอาเป็นว่าชีวิตคู่คือโอเค คือพออยู่ด้วยกันมานานๆ ทุกอย่างมันก็ไม่ได้เหมือนตอนแรกๆ แหละ แต่ว่าเราอยู่ด้วยกันได้ เพราะว่าเรายังรักกันอยู่ แล้วเราต่างที่จะไม่ต้องการดราม่าเลย ตอนนี้ดราม่าเยอะแล้ว อย่างเย็นนี้จะกินอาหารอะไรดี? เขาแก่กว่าประมาณ 9 ปี แล้วเขาเป็นคนที่เปิดโลกให้เราบางสิ่งในเรื่องเพลงด้วย คือเขาฟังเพลงเยอะมาก แล้วฟังทุกแนว เพียงแต่เขาไม่ชอบ Mariah Carey เท่านั้น เชอะ เขาชอบ Heavy Metal ค่ะ
เคล็ดลับในการเข้าสังคมในแบบ Gene Kasidit
ไม่มีเคล็ดลับ ก็คือเป็นอย่างนี้แหละค่ะ เขาเรียกว่าอะไรนะ ถ้าเราไม่พยายามเป็นอย่างอื่น เราก็จะไม่ต้องมานั่งเหนื่อยว่าใครเขาคิดอะไรกับเรา หลายคนหาว่าเราเป็นคนเยอะ แต่ไม่จริงนะคะ พี่จะด่าคนเวลาที่ไม่เป๊ะเรื่องงานเท่านั้น เพราะว่าเราให้ความสำคัญกับงานมากมาย ก็จะไม่แคร์ด้วยว่าใครเป็นเจ้านายของจ็อบนี้ ก็จะปรี๊ดไป แต่ก็มีหลายเจ้าที่พยายามจะโค่นล้มสายออแกไนซ์โน่นนี่ แต่สุดท้ายความจริงก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร อุปนิสัยที่แบบเฟรนด์ลี่ อะไรง่ายๆ แต่บางทีมันก็เป็นดาบสองคมนะ เขาก็คิดว่าเราไม่เป็นไรหรอก
‘สมรสเท่าเทียม’ ในบ้านเรา
นี่ก็คิดว่านอนหลับไปแล้ว 3, 4, 5 วัน ตื่นมาเราก็นึกว่าได้แล้ว ก็คือยังนะคะ ตายไปแล้ว 2 รอบ ตื่นมาก็ยังบอก หา! ยังอีกเหรอ? ตอนแรกคิดว่าตื่นนอนมาแล้วสามารถไปแต่งที่ 7-Elelven ลุ้นแต่ก็ต้องลุ้นต่อไป หรือต้องสู้ต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้ด้วย ถ้าเกิดฉันมีอำนาจฉันก็อาจจะช่วยทำเรื่องนี้ เราสนับสนุนนะคะ แต่ว่าเราอยากให้มันสำเร็จจริงๆ ไม่งั้นทุกคนก็จะเสียแรงว่าเราจะสู้กันมาเพื่ออะไร
สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นในสังคม LGBTQ+
ในหลายๆ สังคมเลยดีกว่า คือไม่อยากให้พอถึงเดือนมิถุนายน กรกฎาคม ก็จะต้องเปลี่ยน Visual เปลี่ยนกราฟิก ชีวิตเราไม่ได้เป็นอะไรกับรุ้งๆ มากมาย จริงๆ แล้วเราก็แค่เป็นเพศทางเลือก ที่ไม่ได้อยู่ในกฎของมนุษย์ในยุคนี้ ไม่อยากจะบอกว่ามองย้อนกลับไปในอดีตยิ่งกว่านี้อีกนะคะ แซ่บกว่านี้ เว่อร์กว่านี้ ฉันว่าคนรุ่นนี้ที่ทำแบบนี้ปกติมาก อย่างพวกซามูไรโหดมาก แล้วผู้หญิงก็ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องปกติ
ง่ายๆ เลย จะแต่งงานได้ที่ 7-Elelven แบบ 24 ชั่วโมงก็ได้ แต่งงานในผับบาร์ ขนกันไปเลย เป็นประเทศที่ควรจะทำได้มานมนานแล้ว เพราะว่ามันจะช่วยหลายๆ สิ่งในประเทศ แล้วจะมีคนที่อยากจะมาแต่งงานในเมืองไทยเท่าไร เธอก็บวกลบคูณหารเอาแล้วกัน แล้วเราก็จะมีคนทำปาร์ตี้ Wedding เปรี้ยวๆ ฉันก็ได้ขึ้นไปร้องเพลงไง
ข้อความถึงชาว LGBTQ+
มันมีตัวหนังสือมากมาย แต่จริงๆ แล้วอย่าให้ตัวย่อเหล่านี้มาเป็นตัวแยกคุณออกจากกลุ่มที่คุณคิดว่ามันเป็นกลุ่มอยู่ การรวมตัวก็เป็นสิ่งที่ดีนะ แต่เอาเป็นว่า สุดท้ายก็อยากจะฝากว่า จริงๆ แล้วพี่จีนคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่อง LGBT หรือว่า Marketing หรืออะไรโน่นนี่นั่น ก็ใครจะบอกว่าเป็นเรื่องเพศสภาพ แต่ที่จริงมันคือรสนิยมส่วนบุคคลมากกว่าว่าเขา OK กับเธอไหม เพราะฉะนั้นเราต้องยอมรับตัวเองให้ได้ว่าอาจจะมีคนที่ชอบเรา ไม่ชอบเรา เห็นไม่ตรงกับ เราก็ต้องยอมรับเขา แล้วคนที่เขาไม่อยากจะเปลี่ยนก็คือก็ต้องยอมรับเขาด้วย เพราะไม่มีใครที่จะเป็นแบบโลกแห่ง Unity อันหนึ่งอันเดียวกันจริงๆ หรอก มันเป็นอุดมคติมาก Utopia เหรอคะ? มันเป็นแค่หนังสือหรือเปล่า? Sci-Fi เหรอ? เมื่อก่อนพี่จะไม่เข้าใจว่าทำไมคนบางคนต้องแอบๆ อะไรอย่างนี้ เราต้องเข้าใจว่าพื้นฐานบางคนบางทีมันไม่สามารถจะออกตัวเป็นได้ มันจะมีผลเสียมากกว่าผลได้ ชีวิตมันไม่ใช่แค่การเดินพาเหรด เราก็ต้องเข้าใจบางคน บางทีเขามีเหตุผลบางสิ่งที่มันไม่ได้ มันก็คือก็ไม่ได้ แล้วเราไม่ควรเหมาความต้องการของเรา ซึ่งเราก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรนึกออกไหม แล้วอย่าเหมาว่าเขาควรจะเป็นแบบเราให้ได้ แล้วอย่าเหมาว่า Pride เป็นการเดินพาเหรด เพราะว่าสุดท้าย Pride ก็ไม่มีอะไรมากหรอก มันก็คือกลับไปบ้านวันนี้รู้สึกภูมิใจว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง หรือทำอะไรไปบ้าง จริงๆ ง่ายๆ เลยค่ะ
#BAZAARVoice #BAZAARInterview #GeneKasidit #PrideMonth #LGBTQ