ตั้งแต่ปี 1948 ที่ Longchamp ก่อตั้งขึ้น ได้แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการผลิตกระเป๋าที่มีคุณภาพสูง ทุกใบล้วนรังสรรค์โดยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งให้ความสำคัญสูงสุดกับรายละเอียดและความกลมกลืนของวัสดุ โดยยังคงรักษามรดกสำคัญแห่งการผลิตผ่านเวิร์คช้อปห้าที่ในฝรั่งเศส ได้แก่ Château Gontier, Ernée, Pouzauges, Rémalard และ Segré ซึ่งเป็นตัวแทนของมาตรฐานอันทรงเกียรติที่มาพร้อมกับคำว่า Made by Longchamp

ตั้งแต่การตัดหนังจนถึงการประกอบกระเป๋าที่เสร็จสมบูรณ์ ทุกขั้นตอนถูกดำเนินการด้วยความหลงใหลและความแม่นยำ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพอันไร้ที่ติ สถานที่ Segré ในแคว้น Maine-et-Loire เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคของ Longchamp และยังเป็นโรงงานผลิตต้นแบบของแบรนด์อีกด้วย ที่นี่แผนกวางแผนทำงานร่วมกับแผนกกำกับดูแลด้านการสร้างสรรค์ในกรุงปารีส เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ความชำนาญและเทคนิคการผลิตที่เริ่มต้นที่ Segré จะถูกถ่ายทอดอย่างละเอียดไปยังโรงงานผลิตอื่นๆ ทั้งในฝรั่งเศสและต่างประเทศ ดังนั้นทุกการออกแบบจึงสะท้อนลักษณะเฉพาะของ Longchamp ที่หล่อหลอมจากประสบการณ์และนวัตกรรมหลายทศวรรษ






โดยในปี 2007 Longchamp ได้รับการยอมรับจากรัฐฝรั่งเศสในฐานะ ‘Entreprise du Patrimoine Vivant’ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับธุรกิจที่มีมาตรฐานสูงสุดในด้านความชำนาญทั้งในด้านงานฝีมือและอุตสาหกรรม
ความเชี่ยวชาญในวัสดุ กุญแจสู่ความยั่งยืน
ไม่เพียงเท่านี้ Longchamp ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้การผลิตของตนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมีการคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพสูงและเป็นมิตรกับธรรมชาติ นอกจากนี้กระบวนการผลิตยังได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการใช้หนังที่ผ่านการรับรองจากองค์กรที่ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคม Leather Working Group ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่รับรองมาตรฐานทางสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2023 79% ของหนังที่ Longchamp ใช้ ได้รับมาตรฐาน Gold ระดับสูงสุด ซึ่ง Longchamp ยังคงมุ่งมั่นที่จะไปถึงเป้าหมายที่ 100% โดยหนังที่เข้าสู่กระบวนการผลิตกระเป๋าจะถูกตัดและใช้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ความพิเศษและเนื้อสัมผัสของหนังเผยความสวยงามและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ สะท้อนถึงการให้ความสำคัญต่อความแม่นยำและการให้ความเคารพต่อวัสดุ โดยขั้นตอนนี้ล้วนรังสรรค์จากช่างฝีมือที่มีความรู้เฉพาะทาง และบางคนมีประสบการณ์มากถึง 30 ปี ซึ่งแต่ละคนได้รับการฝึกฝนให้สามารถสร้างสรรค์กระเป๋าได้ตั้งแต่ต้นจนเสร็จสมบูรณ์

ความทนทานและคงทนไร้กาลเวลา
ด้วยความตั้งใจในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง Longchamp มุ่งมั่นที่จะยืดอายุการใช้งานของกระเป๋าทุกใบ จึงได้เปิดเวิร์กช็อปสำหรับการซ่อมแซมกระเป๋าที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งสามารถฟื้นฟูผลิตภัณฑ์เกือบ 60,000 ชิ้นในแต่ละปี ด้วยเวิร์กช็อปและคลังวัสดุชิ้นส่วนต่างๆ ผลิตภัณฑ์จึงได้รับการซ่อมแซมและกลับคืนสู่สภาพเดิม

การลดการปล่อยคาร์บอนและการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ
ในฐานะที่ให้ความสำคัญกับการรักษาสิ่งแวดล้อม รอบๆ เวิร์คช้อป จึงมีการปลูกต้นไม้ถึง 12,500 ต้น และยังได้ปลูกต้นไม้พันธุ์ใหม่มากกว่า 85 ชนิด และมีการเลี้ยงแกะและตั้งรังผึ้ง เพื่อส่งเสริมความสมดุลทางสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงเท่านี้ยังได้รวมนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมในการออกแบบโรงงานผลิตให้มีการใช้แสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้า และติดตั้งแผงโซลาร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผลิตที่ยั่งยืนและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม



