Gucci Visions “An immersive exhibition into the world of GUCCI” นิทรรศการสุดยิ่งใหญ่ ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของแบรนด์ ตั้งแต่เด็กยกกระเป๋าหน้าประตูโรงแรม Savoy สู่อณาจักรแฟชั่นเฮาส์แถวหน้าของโลก โดยนิทรรศการจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 ห้องการจัดแสดงที่แบ่งออกตามธีมการนำเสนอในแต่ละเรื่องราว
เริ่มต้นกันที่ Flora ห้องการจัดแสดผลงานที่เปรียบเสมือนการแนะนำประวัติความเป็นมาให้แก่ผู้เยี่ยมชมทุกคนได้เรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้าไปท่องโลกแห่งจินตนาการในอีก 5 ห้องที่เหลือ ซึ่งสำหรับห้อง Flora จะเป็นการถ่ายทอดลวดลายดอกไม้สุดไอคอนนิก ที่ได้ถูกดีไซน์ขึ้นนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 โดยศิลปินนักวาดภาพประกอบชาวอิตาเลียน อย่าง Vittorio Accornero de Testa สะท้อนการผลิบานของพรรณดอกไม้นานาชนิด และเหล่าสรรพสัตว์ ในฤดูกาลทั้ง 4
สานต่อความสัมพันธ์ของธรรมชาติในห้องถัดมาที่มีชื่อว่า Bamboo หรือว่า ไม้ไผ่ หนึ่งในวัสดุสำคัญของกระเป๋ารุ่นยอดฮิตตลอดการ อย่างรุ่น Gucci Bamboo 1947 ด้วยรูปทรงโค้งมนของกระเป๋าที่รับเข้ากับดีไซน์หูจับไม่ไผ่ ที่ผ่านกระบวนการดัดขึ้นรูปด้วยไฟให้ได้ทรงและผิวสัมผัสที่สวยงาม และภายในห้องดังกล่าวยังได้โชว์ชิ้นส่วนแพทเทิรน์กระเป๋าในหลากหลายวัสดุที่แตกต่างกันออกไป
“ความมุ่งมั่นของเด็กยกกระเป๋า”
ด้วยความคุ้นชินกับสัมภาระเดินทางมากมาย Guccio Gucci ที่ได้ทำงานเป็นเด็กยกกระเป๋าหน้าประตูโรงแรม Savoy ในกรุงลอนดอน เขาได้กลับมาเริ่มต้นแบรนด์ในเมืองฟลอเรนซ์บ้านเกิดของเขา ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การออกแบบกระเป๋าเดินทางสไตลล์ผู้ดีอังกฤษดั้งเดิม เพื่อแก้ไขและตอบโจทย์การใช้งานที่เขาคุ้นเคยดี และได้เล็งเห็นถึงทิศทางในอนาคตของแบรนด์ ว่ากระเป๋าถือนั้นจะเป็นสัญลักษณ์ในการออกเดินทางเพื่อค้นพบประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ ซึ่งภายในห้อง Travel เเห่งนี้ได้รวบรวมกระเป๋าเดินทางหลากหลายรูปแบบเอาไว้ตั้งแต่ช่วงยุค 50’s ไล่เรียงมาจนถึงยุคปัจจุบัน
ไม่ใช่เพียงแค่ Gucci Bamboo 1947 เท่านั้นที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลกกว่า 7 ทศวรรษ แต่ภายในห้อง Icons นี้ยังจัดแสดงกระเป๋ารุ่น Horsebit 1955 และ Jackie 1961 ที่ถือได้ว่าเป็นอีกสองดีไซน์สุดอมตะของแบรนด์ และได้มีการถูกนำมาตีความใหม่ในวัสดุ ลายพิมพ์ การตัดเย็บที่แตกต่างกันออกไป ผ่านมุมมองของแต่ละดีไซน์เนอร์
เริ่มต้นกันที่กระเป๋า Horsebit ที่โดดเด่นด้วยบัคเคิลตะขอปากม้าบริเวณด้านหน้าของกระเป๋า ซึ่งได้ออกแบบเป็นครั้งแรกในปี 1955 และในอีกหกปีถัดมากุชชี่ก็ได้ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำด้านเครื่องหนังอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวกระเป๋า Gucci Jackie กระเป๋าถือทรงพระจันทร์เสี้ยว ที่มีความยาวช่วงตัวกระเป๋าให้สามารถสะพายขึ้นไหล่สุภาพสตรีได้ ตกแต่งด้วยอะไหล่เปิดปิดทรงลูกสูบ
ไล่เรียงมากันถึงห้องที่ 5 ของนิทรรศการที่มีชื่อว่า STAR คือการรวบรวมผลงานชุดราตรีที่เหล่า “ดวงดาว” ทั้งหลายได้เคยสวมใส่มาในโอกาสสำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดความคุ้นเคยของ Guccio Gucci กับบุคคลสำคัญเมื่อครั้งที่เขาได้พบกับกลุ่มคนชั้นสูงที่โรงแรม Savoy และชุดที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์สำคัญในครั้งนี้ คงหนีไม่พ้นชุดราตรีสีดำยาวสั่งตัดพิเศษสำหรับ ใหม่ ดาวิกา-โฮร์เน่ แบรนด์แอมบาสเดอร์สาวไทยเพียงหนึ่งเดียวเพื่อการเข้าร่วมงาน Gucci Art Lab Event 2023 ในกรุงเทพฯ
ปิดท้ายนิทรรศการในครั้งนี้ด้วยห้อง FASHION ที่รวบรวมกองทัพชุดในอาไครฟท์กว่า 24 ลุค ผ่านการรังสรรค์ของ Tom Ford, Frida Giannini, Alessandro Michele และ Sabato De Sarno ที่เผยให้เห็นถึงความแตกต่างของมุมมองการออกแบบจากทั้ง 4 ดีไซน์เนอร์ และยังเป็นการให้ความสำคัญในการพัฒนาต่อยอด วิสัยทัศน์แห่งคุณภาพผ่านผลงานช่างฝีมือที่คงอยู่คู่กับแบรนด์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
สุดท้ายนี้สำหรับผู้ติดตามท่านใดที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ Gucci Vision สามารถเข้าชมได้แล้ววันนี้จนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 โซน EM GLASS ชั้น G อาคาร EM TOWER ศูนย์การค้า EMSPHERE และสำรองการเข้าชมได้ที่ช่องทาง https://www.gucci.com/th/en_gb/st/capsule/gucci-visions-bangkok หรือ LINE Official Account: @GUCCITH