Wednesday, January 15, 2025
More

    สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับ Mr.Izaki ถึงเบื้องหลังนาฬิการุ่น MR-G B2100

    on

    - Advertisement -

    บาซาร์ชวนผู้อ่านทุกท่านติดตามบทสัมภาษณ์สุดพิเศษของ Mr.Izaki ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นผู้ให้กำเนิดซีรี่ย์ MR-G ที่มาบอกเล่าถึงเบื้องหลังเเละความท้าท้ายในการรังสรรค์เรือนเวลารุ่น MR-G B2100 จาก G-SHOCK ที่มาพร้อมกับหน้าปัดลายตาข่ายสามมิติ ซึ่งบริเวณหน้าปัดของรุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “KIGUMI” ความงามในการใช้งานของศิลปะการต่อไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

    ในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา อุตสาหกกรมนาฬิกามีความเปลี่ยนเเปลงไปเป็นอย่างมาก ในความคิดของคุณที่ได้เข้ามาร่วมทำงานในอุตสาหกรรมนี้ตั้งเเต่ช่วงยุค 90’s มีความเปลี่ยนเเปลงไปเป็นอย่างไรบ้าง

    ในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์นาฬิกาหลากหลายแบรนด์เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย ตั้งแต่ทำของที่มีคุณภาพไปจนถึงแบรนด์ที่ทำของราคาถูก ซึ่งสุดท้ายแบรนด์ที่ไม่มีคุณภาพมักจะหายไปตามกาลเวลา แบรนด์ส่วนใหญ่ที่อยู่รอดมักจะเป็นแบรนด์ที่มีช่างผู้เชี่ยวชาญและการผลิตเป็นของตัวเอง รวมถึงสื่อสารคอนเซปต์ในการออกแบบอย่างชัดเจน พูดคุยกับลูกค้าอย่างจริงใจ อย่าง G-SHOCK เองก็ยึดมั่นคำว่า Absolute Toughness และต่อยอดสิ่งนี้ออกมาตลอดเวลา

    เราทราบว่า G-SHOCK เป็นนาฬิกาที่ทุกคนไว้ใจสำหรับการทำทุกกิจกรรมต่างๆ ด้วยกลิ่นอายนั้นของเเบรนด์ ได้ถูกนำมาผสมผสานอยู่ในนาฬิการุ่น MR-G ที่ถือได้ว่ามีความลักชัวรี่ที่สุดของแบรนด์อย่างไร

    สำหรับ G-SHOCK คำว่า “Absolute Toughness” เป็นสารตั้งต้นในการออกแบบของแบรนด์อยู่แล้วครับ เราไม่มีทางลบมันออกไปได้ มีแต่จะต่อยอดกับสิ่งนี้ ซึ่งรุ่น MR-G ไม่ได้มีแค่เรื่องของความทนทานเท่านั้น แต่เรายังนำปรัชญาในการใช้ชีวิต เรื่องไลฟ์สไตล์มาผสมผสาน แล้วเราก็ใส่เรื่องความเป็นช่างฝีมือเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อทำให้คนที่ชอบออกไปทำกิจกรรมข้างนอกมั่นใจได้ว่า ถึงแม้จะเป็นรุ่นที่ลักชัวรี่ที่สุด แต่เราก็ไม่ทิ้งความทนทานเหล่านั้น เพียงแค่เพิ่มคุณค่าและความหรูหราขึ้นมาอีกหนึ่งระดับเท่านั้นเอง

    นาฬิการุ่น MR-G เป็นรุ่นที่เเฝงไปด้วยกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่น อะไรคือคอนเซปต์ในการออกเเบบในครั้งนี้ครับ

    การออกแบบในตระกูล MR-G ตัวนี้นะครับ สืบเนื่องจากเป็นไลน์ที่หรูหราที่สุด เราต้องใช้เวลาในการคราฟท์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่สี วัสดุ ไปจนถึงการฟินิชชิ่งตัวเรือน เพียงแต่ครั้งที่ผ่านมาเรานำแรงบันดาลใจมาจากดาบและชุดเกราะ ซึ่งเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่งภายนอก แต่ครั้งนี้ความพิเศษของหน้าปัดรุ่น MR-G B2100 คือการที่ช่างทำนาฬิกาต้องถอดชิ้นส่วนออกมาเพื่อขัดผิวสัมผัสให้เรียบเนียนในแต่ละชิ้นและประกอบกลับเข้าไปใหม่ โดยใช้ช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นมารังสรรค์ ซึ่งจะสอดคล้องกับศาสตร์ Kigumi ที่เป็นวิธีการต่อไม้เข้าด้วยกันจากการคำนวณอย่างละเอียดจากชุดเกราะหรือดาบที่เคยออกแบบมา ในครั้งนี้เรานำแรงบันดาลใจของการก่อสร้างของสถาปัตยกรรมจากศาสตร์ Kigumi มาพัฒนาจากการนำชิ้นส่วนแต่ละชิ้นประกอบเข้าด้วยกัน และจะเกิดช่องว่างช่วงหน้าปัดที่ช่วยดูดแสงเพื่อสร้างพลังงาน Solar Panel เพราะฉะนั้นรุ่น MR-G B2100 จึงไม่ใช่แค่การขัดเงาภายนอก แต่ยังถูกออกแบบเชิงโครงสร้างให้แข็งแรงที่เกิดจากการประกอบกันของชิ้นส่วน

    คุณสามารถช่วยเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการพัฒนานาฬิการุ่นนี้ได้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นนาฬิการุ่นนี้ได้มีความท้าทายยังไงบ้าง

    ความท้าทายสุดๆ ของขั้นตอนในการออกแบบนาฬิกาเรือนนี้นะครับ จริงแล้วๆ ถ้าเราอยากทำแค่หน้าปัด เราก็สามารถทำได้เลย แต่ถ้าเราจะทำลวดลายนี้ให้มีคุณค่าจริงๆ เราต้องขัดทุกชิ้นด้วยมือ เพื่อให้มีผิวสัมผัสเรียบเนียนมากที่สุดแม้แต่ในจุดที่มองไม่เห็นก็ตาม โดยชิ้นส่วนจะประกอบไปด้วยทั้งหมด 27 ชิ้น ซึ่งปกติวงการนาฬิกาเขาจะไม่นิยมทำกัน โจทย์ต่อมาในการออกแบบคือเราจะนำชิ้นส่วนทั้ง 27 ชิ้น ประกอบกันให้มีความแข็งแกร่งได้อย่างไร นั่นคือสิ่งที่ทีมวิศวกรของเราต้องใช้เวลาคิด เราไม่ได้ออกแบบแค่เพียงคอนเซปต์ให้ดูความสวยงาม แต่เราต้องคำนึงถึงการใช้งานที่แท้จริง นั่นคือความท้าทายในการออกแบบ

    เราได้ยินมาว่านาฬิการุ่น 2100 ของ G-SHOCK’ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเเฟนๆ ที่ชื่นชอบวัสดุเรซิ่น ตอนนี้เรซิ่นได้กลายมาเป็นส่วนนึงของนาฬิกาลักชัวรี่ อะไรที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความพิเศษ

    ปกติ G-SHOCK จะเป็นนาฬิกาสำหรับผู้ชายเป็นหลักนะครับ ค่อนข้างมีความหนา ซึ่งย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2549 เราได้ออกแบบนาฬิกาหน้าปัดแปดเหลี่ยม เป็นหน้าปัดสไตล์รุ่นออริจินอลของแบรนด์ เป็นรุ่นที่ทางแบรนด์วางขายสู่ตลาดและได้รับความนิยมมากๆ  ซึ่งตอนนั้นเป็นระบบดิจิทัล แต่ว่าเรานำกลับมาออกแบบใหม่ในรุ่นที่เป็นเข็มอนาล็อค “เรามองว่าความนิยมที่เกิดขึ้นนี้ นอกจากลักษณะที่เรียบง่ายแล้ว ยังเป็นเรื่องระบบอนาล็อคและความเพรียวบางยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ผู้คนชื่นชอบเป็นอย่างมาก”

    คุณเข้ามาร่วมงานกับ Casio นับตั้งเเต่ปี 1986 เเละได้ร่วมงานกับ G-SHOCK ในปี 1992 ซึ่งในระยะเวลาเกือบ 30 ปีที่ได้ทำงานกับ G-SHOCK อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จเเละโดดเด่นออกมา เเละคุณคิดว่าสิ่งนั้นมันกำหนดทิศทางของเเบรนด์ G-SHOCK ในรูปเเบบใด

    ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานด้วย ถ้าพูดถึงนาฬิกาที่ดำน้ำได้ 20 วัน ที่ความลึกใต้นํ้า 200 เมตร และทนต่อแรงกระแทก ทุกคนมักนึกถึง Tools Watch (นาฬิกาที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ) แต่สำหรับ G-SHOCK เองเรามีสิ่งนั้นอยู่แล้ว และเป็นที่ยอมรับจากแวดวงของศิลปิน ตัวอย่างเช่น รุ่น DW-6600 ซึ่งเป็นรุ่นหลักที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ทั้งศิลปินฝั่งอเมริกัน ไปโผล่ตามภาพยนตร์ต่างๆ นั่นคือจุดที่ทำให้เรากลมกลืนกับวัฒนธรรมนั้นๆ ซึ่งเรากลมกลืนกับผู้คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ทำให้แบรนด์เราไม่ใช่แค่นาฬิกาที่ตอบโจทย์การใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้เราเปรียบเสมือนหนึ่งในวัฒนธรรมของผู้คนเหล่านี้ไปแล้ว เราไม่ได้แค่สื่อสารกับผู้คนในวงการนาฬิกา แต่ทั้งวงการกีฬา อุตสาหกรรมแฟชั่นและดนตรี ยังเป็นกลุ่มที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย รวมถึงเราอยากมีส่วนร่วมในการสนับสนุนพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ในอนาคต