เฉลิมฉลองครบรอบ 130 ปี และก้าวใหม่กับ Capsule Collection ออกแบบโดย Mr. Luc Goidadin (ลุค โกอิเดดิน) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ DAKS คอลเลกชั่นที่เป็นมากกว่าแฟชั่น แต่คืองานศิลป์ที่เล่าเรื่องราวผ่านการผสมผสานระหว่างอดีตและปัจจุบัน เฉลิมฉลองให้กับความงดงามแห่งความคลาสสิกที่ไม่เคยเลือนหายไป
DAKS (แด๊กซ์) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1894 จากการที่ Mr. Simeon Simpson (ไซมอน ซิมป์สัน) ซึ่งมีอายุเพียง 16 ปี เปิดร้านรับตัดเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ (Bespoke) บนถนนย่าน Middlesex กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ความโดดเด่นในการให้บริการ และเนื้อผ้าหลากหลาย ทำให้ร้านตัดเสื้อผ้าบุรุษแห่งนี้ เป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะที่เป็นห้องเสื้อคุณภาพสูงจนได้รับขนานนามว่า ‘Simpsons Suits’ (สูทซิมป์สัน) ก่อนจะพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูป (Ready-To Wear) จนแทบจะเรียกได้ว่าเขาคือผู้ริเริ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่น
อีก 40 ปีต่อมา Alexander Simpson หรือ Alex (อเล็กซ์) ซึ่งเป็นลูกชายคนที่สอง พยายามคิดหาวิธีผลิตกางเกงสุภาพบุรุษที่สวมใส่ได้ โดยไม่ต้องใส่เข็มขัด เพื่อบริการลูกค้ารุ่นใหม่ และในชื่อแบรนด์ใหม่ ความที่เขาเรียกชื่อกางเกงที่ออกแบบว่า “DAKS TOP” จึงทำให้เกิดการผสมคำระหว่าง Daddy และ Slacks จนในที่สุดชื่อ “DAKS” จึงได้ถือกำเนิดขึ้น ในฐานะแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำของอังกฤษ ที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก
ในปี 1976 DAKS ออกแบบลายตารางหมากรุก หรือ “ลายเฮ้าส์เชค (House Check)” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักและให้การยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน การที่แบรนด์มีประวัติความเป็นมายาวนาน บวกกับคุณภาพและความพิถีพิถันในการตัดเย็บ การคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในทุกกระบวนการผลิต ทำให้แบรนด์แด๊กซ์ (DAKS) ได้รับความนิยมเชื่อถือในระดับสูงสุด โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดหาเครื่องแต่งกายให้แก่พระราชวงศ์อังกฤษ อีกทั้งยังได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์จากราชวงศ์อังกฤษ (THE ROYAL WARANTS) มาอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 1956 ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์จากเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ ถัดมาในปี 1962 ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์จาก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ต่อมาในปี 1982 ได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์จากเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์
แม้ว่าหลังการสิ้นพระชนม์ของดยุคแห่งเอดินบะระ DAKS ยังคงได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์สืบมา พร้อมกับยังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ถึง 3 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ DAKS ยังคงความสัมพันธ์กับพระราชวงศ์อังกฤษอย่างแน่นแฟ้นและยาวนาน
ในปี 2024 ซึ่งเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองการเดินทางครบรอบ 130 ปี ของ DAKS ภายใต้คอลเลกชั่น AUTUMN/WINTER 2024 ซึ่งประกอบด้วย “130th ANNIVERSARY COLLECTION” ยังมีคอลเลกชั่นพิเศษ “CAPSULE COLLECTION” ที่ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์อันสะท้อนถึงความสง่างามและความซับซ้อนของแฟชั่นในยุคปัจจุบัน โดยแบ่งเป็น 2 ซีรีส์เปี่ยมเอกลักษณ์ ได้แก่ “GEO CHECK” และ “COOL CLASSIC” ที่แฝงการตีความใหม่ที่สดใสและเต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล
GEO CHECK ลายตารางที่เคยถูกจารึกในประวัติศาสตร์แฟชั่นของแบรนด์ได้รับการชุบชีวิตใหม่ ผ่านการออกแบบที่ซับซ้อนและร่วมสมัยยิ่งขึ้น สู่ลวดลายอันเป็นหัวใจสำคัญของคอลเลกชั่นนี้ ลายเส้นที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จถูกนำมาตีความอย่างละเอียดลึกซึ้ง ผสมผสานเข้ากับวัสดุหรูหราอย่างผ้าขนสัตว์ทอลายในตัวและผ้าทวีตเนื้อนุ่ม ซึ่งถูกปรับให้เข้ากับแฟชั่นยุคใหม่
COOL CHECK ความคลาสสิกถูกนำมาตีความใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากยุค 1960 และ 1970 ยุคที่สหราชอาณาจักรได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม ดนตรี ศิลปะ และแฟชั่น ในช่วงเวลานั้นเป็นแสดงออกถึงความมั่นใจและการปลดปล่อยจากขนบธรรมเนียมเก่า ทำให้นักแสดงร็อคอย่าง DAVID BOWIE, นักแสดงหญิง CHARLOTTE RAMPING, และนักร้อง BRYAN FERRY กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับลุคที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญและความสง่างาม สะท้อนถึงความเป็นอังกฤษที่แฝงด้วยพลังแห่งความท้าทายและการสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด
“ผมต้องการสร้างผลงานที่ผสมผสานระหว่างความเป็นทางการ และ ความเป็นสปอร์ต ให้สอดคล้องกับตู้เสื้อผ้ารุ่นใหม่ ที่มักรวมเสื้อผ้าเข้ารูปกับเสื้อผ้าใส่สบายๆ ไว้ด้วยกัน โดยศตวรรษที่ 1800 สหราชอาณาจักร ได้กลายเป็นต้นกำเนิดของการตัดเย็บสมัยใหม่ เป็นต้นกำเนิดของกีฬา RUGBY, TENNIS, FOOTBALL, CRICKET และกีฬาอื่นๆ อีกทั้งพลังโฆษณา DAKS ในช่วงปี 1950 และ 1960 ยังช่วยจุดพลังแห่งความสร้างสรรค์ ความสง่างามและคลาสสิกแต่ดูมีชีวิตชีวาในแบบฉบับชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นการรวบรวมสไตล์อังกฤษคลาสสิกเหนือกาลเวลา เข้ากับทัศนคติและแนวคิดยุคใหม่ ผมตั้งใจออกแบบลายสก็อตอันเป็นเอกลักษณ์ของ DAKS ให้มีรูปแบบใหม่ โดยผสมผสานความรู้สึกคลาสสิกเข้ากับองค์ประกอบสมัยใหม่” Mr. Luc Goidadin กล่าว
คอลเลกชั่นนี้มีการใช้สีมากถึง 27 สี ด้วยกัน เพื่อสร้างความหลากหลายในแต่ละลุค โดยโทนสีที่ผสมผสานกันอย่างละเอียดอ่อน ยิ่งขับให้การออกแบบมีความน่าหลงใหลขึ้น อีกทั้งการผสมผสานวัสดุและเนื้อผ้า เช่น ผ้าฝ้ายเนื้อนุ่ม และผ้าไหมน้ำหนักเบา ซึ่งเป็นความสมดุลระหว่างความสง่างามและความสบาย รวมถึงรายละเอียดเสื้อผ้าที่ปราณีต ยิ่งเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับทุกลุคในทุกมิติ
