ณ พิพิธภัณฑ์ Triennale Milano ประเทศอิตาลี Gucci เปิดตัวคอลเลกชั่นใหม่ภายใต้การนำของ Sabato De Sarno ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ที่มุ่งเน้นการนำเสนอความงามของช่วงเวลาสำคัญในชีวิต คอลเลกชั่นนี้อุทิศให้กับความเงียบสงบและความสวยงามของช่วงเวลายามพระอาทิตย์ตกดินในฤดูร้อน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญของ De Sarno
Gucci ยังคงรักษาความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพิพิธภัณฑ์ Triennale Milano ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลอมรวมศิลปะ งานออกแบบ และสถาปัตยกรรมในมุมมองร่วมสมัย การแสดงครั้งนี้จัดขึ้นในพื้นที่ใหม่ Cuore archive ซึ่งถูกตกแต่งให้เป็นโถงทางเดินยาวที่เล่นกับเฉดสีตั้งแต่สีขาว เหลือง ส้ม ไปจนถึงแดงเข้ม Gucci Rosso Ancora เพื่อสะท้อนความงามของพระอาทิตย์ตก พื้นที่นี้ถูกแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ ที่เน้นเฉดสีที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างประสบการณ์การชมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ตลอดปีที่ผ่านมา De Sarno ได้สร้างสรรค์คอลเลกชั่นที่หลอมรวมความหลงใหลในงานตัดเย็บอันประณีต งานหนังคุณภาพสูง และเสื้อผ้าจากยุค 60’s การนำเสนอสไตล์ Casual Grandeur ที่เป็นการผสานระหว่างความหรูหราและความสบายในชีวิตประจำวันนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้คอลเลกชันนี้โดดเด่นอย่างชัดเจน
โชว์เปิดด้วยเสื้อผ้าที่เน้นการตัดเย็บแบบเทเลอร์ ผสมผสานกับดีเทลสมัยใหม่ เช่น กางเกงที่ปลายขาผ่าคู่กับรองเท้าสนีกเกอร์ ซึ่งสะท้อนถึงการนำสไตล์เสื้อผ้าผู้หญิงมาผสานเข้ากับกลิ่นอายของเสื้อผ้าผู้ชาย นอกจากนี้ โครงร่างเสื้อผ้ายุค 60’s ยังปรากฏผ่านเสื้อแจ็คเก็ตทรงเนี้ยบ กางเกงขาสั้น และกระโปรงทรงเอ เสื้อโค้ททรงโอเวอร์ไซส์ที่มีกลิ่นอายของแฟชั่นกูตูร์ชั้นสูงก็เสริมลุคให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ สัญลักษณ์ GG Monogram ถูกนำมาใช้ในดีไซน์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
งานเทเลอร์และงานหนัง ยังคงเป็นหัวใจหลักของ Gucci ในคอลเลกชั่นนี้ โดยเพิ่มความร่วมสมัยในชุดชั้นในที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าผ้าลูกไม้ที่เผยให้เห็นรายละเอียดด้านในอย่างมีศิลปะ อีกทั้งเสื้อผ้าเหล่านี้ยังถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การจับคู่กางเกงยีนส์กับเสื้อกล้าม และเดรสลูกไม้ที่ใส่คู่กับเสื้อโค้ทหนัง
Gucci Bamboo 1947: ไอคอนที่ถูกนำกลับมาพัฒนาใหม่
ในคอลเลกชั่นนี้ กระเป๋า Gucci Bamboo 1947 ได้กลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างดีไซน์ดั้งเดิมกับความร่วมสมัย ซึ่งถูกสร้างสรรค์โดยช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในงานหนังและเพล็กซิกลาส รูปทรงที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นของ Bamboo ยังถูกนำมาใช้ในเครื่องประดับอย่างชาญฉลาด เช่น สร้อยข้อมือที่ใช้แรงบันดาลใจจากหูจับกระเป๋า นอกจากนี้ Bamboo ยังถูกตกแต่งในเดรสผ้าเจอร์ซีย์ที่พริ้วไหวได้แรงบันดาลใจจากยุค 90’s
กระเป๋า Gucci 73 ทรงบักเก็ตที่ตกแต่งสัญลักษณ์ Horsebit ที่ด้านข้าง รวมไปถึงกระเป๋า Gucci Go โฉมใหม่ที่เน้นความคล่องตัวในทุกสถานการณ์ก็ปรากฏตัวในคอลเลกชันนี้เช่นกัน อีกทั้ง Gucci ยังนำกระเป๋า Bamboo ไปปรับโฉมเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 60 ปีในญี่ปุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปินชาวญี่ปุ่นผู้ร่วมงานกับแบรนด์ในโปรเจกต์พิเศษนี้
Horsebit และการกลับมาของสไตล์ยุค 60’s
สัญลักษณ์ Horsebit ซึ่งเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของ Gucci ถูกนำมาพัฒนาใหม่ในรองเท้าแพลตฟอร์ม รองเท้าส้นตึก และรองเท้าบัลเลรินา รองเท้าบูทหุ้มข้อแบบวินเทจยังถูกตกแต่งด้วย Horsebit เพื่อเสริมให้ลุคโดยรวมดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ในขณะที่กลิ่นอายของแฟชั่นยุค 60’s ยังคงปรากฏอยู่ในแว่นตากันแดดทรงโค้งที่ไล่เฉดสีสอดคล้องกับพาเลทสีของคอลเลกชัน
การนำ Gucci Flora กลับมาในรูปแบบใหม่
ลวดลาย Gucci Flora ซึ่งถูกออกแบบโดยศิลปิน Vittorio Accornero de Testa ในอดีต ได้ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในคอลเลกชันนี้ ลวดลายดอกไม้ที่ประณีตเหล่านี้ถูกปรับใช้ในผ้าไหมและผูกเป็นผ้าโพกศีรษะที่เข้ากับชุดในโทนสีเดียวกัน ลายดอกไม้ 9 ชนิดบนพื้นหลังสีขาวสะอาดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะบนผืนผ้าแคนวาสที่งดงาม
คอลเลกชันล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า Gucci ภายใต้การนำของ Sabato De Sarno ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์แฟชั่น แต่เป็นการผสมผสานวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คน Gucci ยังคงอยู่ในฐานะผู้นำที่ผสานความคลาสสิกเข้ากับความทันสมัยได้อย่างไร้ที่ติ คอลเลกชันนี้ไม่เพียงแต่เล่าถึงเรื่องราวของเสื้อผ้าและเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าถึงการค้นพบความงามที่ล้ำค่าในช่วงเวลาสำคัญของชีวิต