คอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2025 ของ Emporio Armani นำเสนอการผสมผสานสีสันระหว่างอดีตและปัจจุบัน ถ่ายทอดความสง่างามที่ท้าทายกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของวงการแฟชั่นในยุคปัจจุบัน
ภาพที่โดดเด่น ซึ่งปรากฏทั้งในบัตรเชิญและบนรันเวย์ คือภาพนางแบบสวมชุดสูทผู้ชายและเนคไท ซึ่งเป็นการย้อนกลับไปสู่อดีตยุคที่ลุคนี้เคยถูกมองว่าเป็นการท้าทายขนบเดิม แต่ Giorgio Armani มองว่าสไตล์ที่เคยสะท้อนความเท่าเทียมทางเพศได้พัฒนาไปเป็นการเล่นสนุกกับแฟชั่นที่ไร้ขอบเขตในปัจจุบัน “ภาพเชิญชวนครั้งนี้เป็นภาพนางแบบที่สวมเนคไท” Armani อธิบาย “มันเป็นภาพจากอดีตของผม แต่ก็เป็นตัวแทนของอนาคตเช่นกัน สิ่งที่เคยเป็นความกล้าหาญ วันนี้กลับกลายเป็นเพียงเกมแห่งแฟชั่น”
แนวคิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงที่ยังคงยึดมั่นในตัวตนนี้ เป็นหัวใจสำคัญของปรัชญาการออกแบบของ Armani ความเชื่อในการ “เปลี่ยนแปลงโดยไม่ทิ้งรากฐาน” ถูกสื่อออกมาในคอลเลกชั่นนี้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการตีความใหม่ของเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่ยังคงคมกริบและดูสนุกสนาน สีที่ใช้ในคอลเลกชั่นนี้มีตั้งแต่สีเทา สีดำ สีชมพูสด และสีน้ำเงินโคบอลต์ ซึ่งสร้างสมดุลระหว่างซิลูเอตที่แข็งแรงและโปร่งเบา สะท้อนถึงความงามไร้กาลเวลาที่สามารถครองใจทุกยุคทุกสมัย
คอลเลกชั่นนี้เป็นการเต้นรำระหว่างประเพณีและนวัตกรรม นำเสนอความสดใหม่ด้วยดีเทลที่ไม่คาดคิด เช่น สายรัดตัวและรูปทรงสปอร์ต ในขณะเดียวกัน การตัดเย็บอย่างประณีตและเสื้อผ้าสำหรับงานกลางคืนยังคงรักษามรดกแห่งความหรูหราของแบรนด์ไว้อย่างเต็มที่
ในฐานะหนึ่งในครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ที่อยู่ในวงการแฟชั่นมาอย่างยาวนาน Armani ย่อมตั้งคำถามถึงทิศทางของวงการแฟชั่นในอนาคต แต่การสร้างสมดุลระหว่างอดีตและอนาคตเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด และแม้ว่าเขาจะเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบ 90 ปีไปไม่นาน วิสัยทัศน์ที่มั่นคงของเขายังคงทำให้แบรนด์เป็นที่ต้องการและร่วมสมัยอย่างไม่เสื่อมคลาย
อีกหนึ่งช่วงเวลาที่โดดเด่นในโชว์ครั้งนี้ คือครั้งแรกที่ Armani แบ่งปันเวทีปิดท้ายกับสองผู้ช่วยผู้ออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิงอย่าง Nicola Lamorgese และ Marco Brunello ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวไปสู่การทำงานร่วมกันมากขึ้น สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของวงการแฟชั่นที่เต็มไปด้วยการสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำในแบรนด์หรูหลายแห่งนอกจากนี้ บันทึกของโชว์ยังกล่าวถึงความสำคัญของร้านค้าแบบออฟไลน์ ในยุคที่ยอดขายในร้านค้าลดลงอย่างต่อเนื่อง Armani เน้นย้ำถึงพลังที่ไม่สามารถทดแทนได้ของการเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์กับประสบการณ์ในการสัมผัสสินค้าหรู ใครก็ตามที่เคยเป็นเจ้าของผลงานของเขาย่อมรู้ดีว่าในเรื่องคุณภาพที่จับต้องได้ Giorgio Armani ย่อมรู้ดีที่สุด
