
Dance Reflections by Van Cleef & Arpels คือโครงการอุปถัมภ์และเชิดชูศิลปะแขนงนาฏกรรมในรูปแบบของการจัดเทศกาลที่มีเครือข่ายพันธมิตรระดับนานาชาติเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานสร้างสรรค์ของนักออกแบบท่าเต้น ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2020 และในปีนี้ได้จัดขึ้นที่กรุงเกียวโต และเมืองไซตามะ ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมจนถึง 16 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา โดยมีกิจกรรมต่างๆ นอกเหนือจากการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการพบปะพูดคุยกับศิลปิน เวิร์กชอปซึ่งเปิดกว้างให้ทุกคนที่สนใจได้เข้าร่วม ตลอดจนการจัดแสดงนิทรรศการ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นโอกาสอันดีในการสานต่อความร่วมมือระหว่าง Van Cleef & Arpels กับสถาบันต่างๆ อย่าง Kyoto Experiment, Saitama Arts Theater และ Rohm Theater ควบคู่ไปกับการจัดแสดงความหลากหลายในโลกแห่งศิลปะการเต้นร่วมสมัย
เริ่มจากนิทรรศการ “สัมผัสดวงดาว” หรือ I felt the stars in that room. ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานร่วมกันระหว่างโอลิเวีย บี ช่างภาพอเมริกันกับ KYOTOGRAPHIE เรียกได้ว่าเป็นปฐมบทเริ่มต้นเพื่อการแนะนำแก่นแท้ หรือเนื้อหาสำคัญของเทศกาลได้อย่างดียิ่งด้วยบรรดาภาพถ่ายต่างช่วงเวลาสุดงดงามจากหลากการแสดงในเทศกาลครั้งก่อนๆ ผ่านมุมมองอันมีต่อศิลปะในการออกแบบท่าเต้น ใช้การเคลื่อนไหวเพื่อเล่าเรื่อง หรือสื่ออารมณ์



นิทรรศการ I felt the stars in that room. ครั้งนี้ประกอบไปด้วยภาพถ่ายแสดงความต่อเนื่องของเทศกาลซึ่งจัดขึ้นในสามปีแรก นับแต่ครั้งแรก ณ กรุงลอนดอนระหว่างเดือนมีนาคม ค.ศ. 2022, ครั้งที่สองในฮ่องกงระหว่างเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2023 และครั้งที่สามในกรุงนิวยอร์กระหว่างเดือนตุลาคม ค.ศ. 2023 ปีเดียวกัน ตลอดช่วงเวลาเหล่านี้ โอลิเวีย บีได้ติดตามจับภาพเหล่าศิลปินนักออกแบบท่าเต้น กับนักเต้นทั้งหลายในแต่ละวัน และตลอดวัน ไม่ว่าจะการซ้อมบนเวที, หลังเวที, ขณะพัก, บนเวทีแสดงจริง รวมถึงช่วงเวลาอื่นๆ นำมาซึ่งภาพการเคลื่อนไหว และความงดงามของแต่ละช่วงเวลาอันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งก็เร็วเสียจนผู้ชมหลายคนไม่ทันมองเห็น
ภาพถ่ายซึ่งผ่านการคัดเลือกจะถูกนำไปผ่านกระบวนการพิมพ์ด้วยขนาดอันเหมาะสำหรับจัดแสดงในนิทรรศการที่หอศิลป์แอสโฟเดล (Asphodel Gallery) ในกรุงเกียวโต ท่ามกลางภาพมิติตกแต่งที่สร้างบรรยากาศราวกับผู้เข้าชมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของเหล่านักเต้น ได้สังเกต เรียนรู้ และทำความเข้าใจต่อกระบวนการทำงานของพวกเขาจากห้องซ้อมไปจนถึงเวทีการแสดงของเทศกาล Dance Reflections by Van Cleef & Arpels ทั้งสามวาระ
ด้วยเหตุนี้ นิทรรศการภาพถ่าย I felt the stars in that room. จึงหาได้ต่างอันใดจากอีกหนึ่งหลักฐานแสดงให้ประจักษ์ถึงปฏิสัมพันธ์เกี่ยวพันระหว่างศิลปะสองแขนง นั่นก็คือนาฏศิลป์ร่วมสมัย และศิลปะการถ่ายภาพ




ต่อด้วยผลงาน Save the Last Dance for Me ผลงานสร้างสรรค์โดยอเลซซานโดร ชารโรนิ จากการศึกษาวิจัยที่เขาดำเนินกับระบำพื้นบ้าน “โปลกา คินาตา” (Polka Chinata) ของอิตาลี อันมีประวัติความเป็นมายาวนานถึงต้นทศวรรษ 1900 ในฐานะการเต้น “หนุ่มเกี้ยวสาว” ซึ่งแต่เดิมทีเป็นการแสดงโดยนักเต้นชายแต่เพียงเท่านั้นเนื่องจากท่วงท่าการเต้นต้องอาศัยพลังทางสรีระจนดูโลดโผนเสมือนกายกรรม นั่นคือนักเต้นจะต้องหันหน้าเข้าหากัน พร้อมกับเกี่ยวแขนไว้ด้วยกันระหว่างคู้กายย่อตัวจนเข่าชิดชน และยังมีการหมุนตัววนไปรอบๆ สำหรับการแสดงครั้งนี้ ชารโรนิออกแบบการแสดงของนักเต้นหนึ่งคู่ ร่วมกับการจัดเวิร์กชอปให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ซึ่งถือเป็นวิถีหนึ่งของการฟื้นฟู และเผยแพร่ธรรมเนียมการเต้นอันเคยครองความนิยมอย่างยิ่งในยุคหนึ่ง ทว่าปัจจุบันกลับตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเสื่อมสูญ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ทั่วทั้งอิตาลีกลับมีคนที่สามารถเต้นโปลกา คินาตานี้ได้ไม่ถึงห้าคน


การค้นคว้า วิเคราะห์ และตีความผลงานชิ้นสำคัญในกาลก่อน นำเราไปสู่การสรรค์สร้างผลงานใหม่ขึ้นในปัจจุบัน แต่ละผลงานล้วนมีความร่วมสมัยโดยอาศัยเอกลักษณ์ในการเขียนบท ร่วมกับการคิดค้นนวัตกรรมทางการนำเสนอ ทั้งในแง่ของท่าเต้น, เครื่องแต่งกาย, งานออกแบบองค์ประกอบศิลป์บนเวที และอื่นๆ อันถือเป็นกลไกเกื้อหนุนให้เกิดการพัฒนาขยายผลอย่างต่อเนื่องขึ้นในศิลปศาสตร์ของการเต้น อาทิชิ้นงาน Soapéra, an Installation (ศิลปะจัดวาง “อุปรากรฟองสบู่”) เมื่อปีค.ศ. 2014 คือตัวอย่างชั้นดีในการแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันอย่างล้ำลึกระหว่างนาฏกรรมกับทัศนศิลป์ ในผลงานชิ้นนี้ มาธิลด์ ม็องนิเอรกับโดมินิก ฟิกาเร็ลลาร่วมกันพาผู้เข้าชมไปสัมผัสกับกระบวนการแปรรูปตามกาลเวลาของวัสดุซึ่งสามารถจับต้องได้ ดำเนินคู่ขนานไปกับการเปลี่ยนผันของท่าเต้น อันเป็นสิ่งที่มิอาจจับต้องโดยอาศัยรหัสสัญลักษณ์ต่างๆ บ่งบอกถึงการเป็นศิลปะงานแสดง

ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาผลงานล่าสุดในเทศกาลครั้งนี้ ยังถือเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงไหวพริบทางการสร้างสรรค์เชิงประดิษฐกรรมของเหล่านักออกแบบท่าเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Room With a View ผลงานร่วมระหว่าง (LA)HORDE (ลา-ออร์ด) กับคณะนักระบำปลายเท้าเมืองมารเซยล์ (Ballet National de Marseille) ผลงานอันทรงเอกลักษณ์อย่างยิ่งจากการหลอมรวมศิลปะการเต้นเข้ากับลูกเล่นดนตรีอิเล็กทรอนิก


ปีค.ศ. 2020 ผลงานชุด Room With a View ไดทำการจัดแสดงรอบปฐมทัศน์ในฝรั่งเศสที่โรงละครชัตเตอเลต์ (Théâtre du Châtelet) แห่งมหานครปารีส ด้วยการร่วมงานระหว่าง (LA)HORDE (ลา-ออร์ด) กับคณะนักระบำปลายเท้าเมืองมารเซยล์ (Ballet National de Marseille) ประกอบไปด้วยนักเต้น 28 คนจาก 16 เชื้อชาติ
ในเหมืองหินอ่อนแห่งหนึ่ง เครื่องจักรทั้งหลายกำลังทำงานร่วมกัน ทั้งเครื่องตัด เจียน และขัด ซึ่งในอีกมิติของสถานที่แห่งนั้น กับเบื้องหลังการทำงานของเครื่องจักรทั้งหลายของเขา โรนได้ออกแบบภูมิทัศน์ภาพมิติอย่างวิจิตรบรรจงปานสลักเสลาประติมากรรมทางอารมณ์โดยอาศัยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกประกอบพื้นที่รองรับการแสดงของเหล่านักเต้น ในขณะที่ประติมากรดำเนินกระบวนการกับหินอ่อนเพื่อ “ปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ หลุดพ้นออกไปจากภายในแท่งผลึกหิน” (ตามกระบวนทัศน์เดียวกับมิเกลันเจโลที่ใช้กับการสร้างสรรค์ประติมากรรมสลักชุด “ทาส”) เหล่านักแสดงต่างใช้การเต้นของตนเป็นหนทางหลบหนีออกจากผลึกหินขาว ซึ่งตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง ให้ความรู้สึกสูงส่งเสมือนกำลังทอดตาลงดูมวลกายมนุษยชาติกำลังเสื่อมสลายด้วยหวังว่าอาจได้เห็นความงดงามปรากฏอยู่ในนั้น
(LA)HORDE ยังดำเนินการศึกษา และทบทวนถึงรูปแบบต่างๆ ของการขัดขืน และต่อต้านผ่านท่วงท่าการเต้น ด้วยเหตุนี้ Room With a View จึงหาได้ต่างอันใดจากหน้ากระดาษเปล่า เป็นพื้นที่การแสดงรองรับลูกบาศก์สีขาวราบเรียบท่ามกลางการจารึกสรรพเสียง, เรือนกาย และภาพต่างๆ ลงไปเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมได้พิเคราะห์ และตรึกตรองถึงบทบาทที่กำลังเปลี่ยนไปของมนุษย์ชาติ

Dance Reflections by Van Cleef & Arpels ในครั้งนี้ที่เกียวโต และไซตามะ ประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมจนถึง 16 พฤศจิกายน 2024 โดยมีกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแสดง พบปะพูดคุยกับศิลปิน, เวิร์กชอป ซึ่งเปิดกว้างให้ทุกคนที่สนใจได้เข้าร่วม ตลอดจนนิทรรศการแสดงผลงาน อย่างนิทรรศการภาพถ่าย I felt the stars in that room. ที่ Asphodel Gallery กรุงเกียวโต

