Monday, January 13, 2025
More

    นักแสดงสาวมากความสามารถ ‘เต้ย จรินทร์พร’ กับแรงบันดาลใจให้ก้าวต่อไป พร้อมการเติบโตในชีวิตส่วนตัวและการงาน

    on

    - Advertisement -

    ความสำเร็จที่แท้จริง ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต รวมถึงการดูแลสุขภาพใจที่ทำให้ ‘เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ’ ยังคงมีแรงบันดาลใจก้าวต่อไปและเติบโตทั้งในชีวิตส่วนตัวและการงาน

    ตลอดระยะเวลาการทำงานในวงการบันเทิงของเต้ย คิดว่าอะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่สุดและอะไรที่อยากรักษาไว้? “ตั้งแต่เข้ามาในวงการบันเทิง มีทั้งการเปลี่ยนแปลงข้างนอก ข้างในของตัวเองตลอดเลยค่ะ ในแง่ของอาชีพ ก็เป็นการเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับวงการบันเทิงนี่แหละ ตอนแรกเต้ยก็ไม่ได้ตั้งใจว่าตัวเองจะมาไกลขนาดนี้เหมือนกันค่ะ เคยคิดว่าโชคดีจังเลยที่เราได้มีโอกาสมาทำงานตรงนี้ แต่พอมานั่งทบทวนและมองตัวเองดีๆก็เห็นว่า โชคดีอย่างเดียวคงไม่ใช่ แต่มันคือการที่เราตั้งใจพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดด้วย ซึ่งตรงนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเราในแง่เรื่องอาชีพหน้าที่การงานไปเรื่อยๆ เลยค่ะ ก็ยังอยากจะรักษาคุณภาพของงานและการไม่หยุดพัฒนาตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ”

    “ส่วนการเปลี่ยนแปลงภายใน ถ้าให้มองตัวเอง ก็โตขึ้นอยู่ตลอดเลยค่ะ แต่เป็นการเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เต้ยชอบตัวเองนะ สบายใจมากขึ้น และใช้ชีวิตในแบบที่เราชอบมากขึ้นเรื่อยๆ มันก็มีวันที่ยากและหนักเหมือนกันค่ะ การทำงานตรงนี้ได้เห็นและเรียนรู้อะไรเยอะมากๆ เพราะเราทำงานกับคนเยอะมาก ได้ประสบการณ์ในชีวิตเยอะแยะเลย ส่วนสิ่งที่อยากรักษาไว้อีกอย่างก็คือ เต้ยสนุกกับการเรียนรู้ที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆมาตลอดค่ะ แต่บางครั้งเราก็อาจจะไปติดกับ comfort zone กลายเป็นว่าต้องอยู่ในกรอบ กลัวการผิดพลาด เต้ยไม่อยากเป็นแบบนั้น อยากลองชาเล้นจ์อะไรใหม่ๆ เลยอยากรักษาความไม่กลัว และกล้าที่จะแตกต่างของตัวเองเอาไว้ด้วยค่ะ”

    เต้ยเคยสงสัยกับเส้นทางอาชีพของตัวเองไหม? “เต้ยว่าทุกคนต้องเคยแหละ (ยิ้ม) การอยู่ในวงการบันเทิงมีทั้งขึ้นและลง ไม่มีใครที่จะอยู่บนยอดเขาได้ตลอดไปค่ะ เต้ยถือว่าตัวเองเดินขึ้นบันไดมาทีละขั้น ไม่ได้ดังพลุแตกข้ามคืน แต่ก็มาเรื่อยๆได้จนถึงตอนนี้ค่ะ พยายามที่จะคงความเป็นตัวของตัวเองและพยายามจะรักษาคุณภาพของตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ มีบ้างที่รู้สึกว่าเหนื่อย ทำไมเราต้องแสดงเป็นคนอื่น ทำไมเราต้องร้องไห้ ชีวิตรันทด โดนทรมาน ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงเราก็แฮปปี้ดี แล้วการทำงานแบบไม่ได้นอน ร่างกายก็ weak ค่ะ คงจะเป็นตรงนี้มากกว่าที่รู้สึกว่า สงสารร่างกายตัวเอง และเริ่มสงสัยในอาชีพนักแสดง (หัวเราะ) รู้สึกว่าไม่ค่อยเฮลท์ตี้ อาจจะทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่สิ่งที่ยังทำให้ยืนหยัดในเส้นทางนี้อยู่คือโอกาสที่ยังได้รับจากแฟนๆ จากลูกค้าทุกท่าน และงานของเราสามารถสร้างอิมแพคอะไรบางอย่างให้คนได้ อย่างละครมาตาลดา สามารถส่งพลังบวกให้คนได้มากมาย เป็นสิ่งที่ทำให้เต้ยมีความสุขมากๆที่จะอยู่ตรงนี้ค่ะ คือเหมือนเป็นการบรรลุเป้าประสงค์ของการทำงานแสดงเลยค่ะ”

    คำว่า ‘ประสบความสำเร็จ’ ในวงการบันเทิงของเต้ย คืออะไร? “เมื่อก่อนทำงานไม่เคยคิดว่าจะต้องได้รางวัลได้ถ้วย แต่พอทำได้ ก็รู้สึกว่ามันเป็นเอ็กซ์ตร้าโบนัส ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำมาถูกทางแล้ว ทำต่อไป อันนี้ก็อาจจะเรียกว่าเป็นความสำเร็จของบรรทัดฐานทางสังคมค่ะ แต่รางวัลนั้นอาจไม่ใช่ตัวแทนของคำว่าประสบความสำเร็จเสมอไป สำหรับเต้ยการที่ได้เล่นเป็นมาตาลดา ได้เป็นส่วนหนึ่งในผลงานดีๆ หรือ ถ้าเต้ยสามารถไปจุดประกายอะไรให้ใครมีความสุข หรืออยากมีชีวิตที่แฮปปี้ เบาขึ้น นี่คือความสำเร็จของการมี
    ชื่อเสียงในวงการบันเทิงของเต้ยแล้วค่ะ”

    ในด้านแฟชั่นจากอดีตถึงปัจจุบัน สไตล์เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน? “เอาจริงๆ เต้ยว่าความชอบไม่ได้ต่างมากค่ะ ยังคงชอบอะไรคล้ายๆ เดิม พวกงาน craft จะชอบมาก แต่เมื่อก่อนเต้ยอาจจะพยายามอยากเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ตอนนี้คือชิลมาก อยากหยิบอยากใส่ตัวนี้ก็หยิบ สิ่งที่เปลี่ยนน่าจะเป็นการเลือกซื้อของมากกว่าค่ะ ซื้อของที่จะอยู่กับเราไปได้นานๆ คุณภาพดีๆ sustainable choices ค่ะ

    ถ้าให้เลือกไอเท็มที่ขาดไม่ได้ในการแต่งตัวน่าจะกระเป๋าค่ะ เดี๋ยวนี้ชอบแต่งตัวธรรมดา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องมีอะไรเยอะแยะ กระเป๋าเป็นชิ้นที่ช่วยให้เราคอมพลีตลุค เต้ยจะเลือกกระเป๋าที่ฟังก์ชั่นด้วยค่ะ สำคัญมากๆ จะไม่ค่อยใช้กระเป๋าที่ใส่อะไรไม่ค่อยได้ (หัวเราะ) อีกชิ้นคือรองเท้า ถ้าเจอคู่ที่ชอบ ก็จะใส่บ่อยมากๆ แล้วใส่อยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ขาดก็ยังใส่อยู่ค่ะ”

    ช่วงที่ทำงานหนักๆ มีวิธีดูแลสุขภาพใจยังไง? “การรู้จักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เมื่อก่อนตอนเด็กๆคำว่า Introvert อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักค่ะ พอมองย้อนกลับไปก็อ๋อเลย การทำงานในวงการต้องเจอคนเยอะมาก ใช้พลังเยอะ ฉะนั้นวิธีการที่เต้ยดูแลสุขภาพใจของตัวเองตอนนี้ก็คือ การที่รู้จักมีเวลาให้กับตัวเอง ถ้ามีอะไรติดนิดๆ หน่อยๆ เต้ยจะไม่ปล่อยไว้นานค่ะ เต้ยจะเขียนออกมา ไม่ชอบข้าม การข้ามทำให้ความรู้สึกยังค้างคาอยู่ตรงนั้นที่เดิม ถ้าวันนึงเจอเรื่องแบบนี้อีกในสถานการณ์ใหม่ ความรู้สึกเดิมก็จะผุดขึ้นมาอีก ฉะนั้นเต้ยจะหาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเรามีความรู้สึกนี้เพราะอะไร แล้วเคลียร์ให้จบ”

    มีช่วงที่หมดไฟกับการทำงานไหม แล้วมีวิธีบูสพลังตัวเองขึ้นมาอย่างไร? “ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่วงที่ทำงานไม่ได้พักเลย เราอาจจะมีความคาดหวังอยากได้รับการซัพพอร์ตจากครอบครัว แบบว่าทำไมเค้าไม่พูดให้กำลังใจบ้าง แต่พอเรามานั่งคิดดีๆ ครอบครัวอาจไม่รู้ ฉะนั้นการสื่อสารกับครอบครัวให้รู้ว่าเราต้องการกำลังใจ ยังไงเค้าก็พร้อมที่จะส่งพลังให้เราอยู่แล้วในวันที่เรารู้สึกเหนื่อยเบิร์นเอ้าท์ บางทีการทำงานทุกวันไม่ได้หยุด ไม่มีเวลาของตัวเองเลยทำให้เบิร์นเอ้าท์ไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังโชคดีที่เต้ยได้ทำงานที่เต้ยชอบ ช่วงนี้เต้ยไม่ได้เบิร์นเอ้าท์เลยนะ เป็นช่วงที่ชิลๆ มากกว่า แค่รู้สึกว่า เอ๊ะ นี่คือชีวิตที่เต้ยอยากได้ อยากจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกยาวๆ รึเปล่า เราก็อายุประมาณนึงแล้ว ล่าสุดมีคนติดต่อมาว่ารับออกแบบบ้านไหม เพราะเขาเห็นบ้านเต้ยที่เขาใหญ่ ถ้าถามว่าจุดประกายตัวเองไหม ตาลุกวาวเลยค่ะ (หัวเราะ) จะดีมากๆ ถ้าเราได้สนุกและจอยสิ่งนั้น เพราะฉนั้นก็ยังอยู่ในช่วงปล่อยไหลๆไปกับชีวิต หาคำตอบไปเรื่อยๆอยู่ค่ะ”

    ในอนาคตมีโปรเจกต์อะไรที่อยากให้แฟนๆ ติดตาม? “มีซีรีส์หนึ่งเรื่อง ชื่อ Enigma บุหงาหมื่นภมรค่ะ เล่นกับน้องวิน (เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร) แล้วก็มีภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่ยังบอกไม่ได้ เซ็นสัญญาไว้ห้ามพูด (หัวเราะ) ปีหน้าก็จะมีไปงานที่ต่างประเทศกับ PRADA ก็ฝากให้ทุกคนติดตามและให้กำลังใจด้วยนะคะ (ยิ้ม) และอาจจะกลับมาทำโปรเจกต์ที่ชื่อว่า SPAJAI อีกค่ะ เต้ยทำเกี่ยวกับ Mental Health เคยทำไปซีรีส์นึงแล้วก็หยุดไปเพราะว่าไม่ว่างด้วย ปีหน้าถ้ามีจังหวะเวลาก็อาจจะทำอีก มีหลายคนเข้ามาบอกว่าช่วยเขาได้จริงๆ ก็เป็นกำลังใจให้รู้สึกว่าเราน่าจะทำต่อนะคะ (ยิ้ม) ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ”