จากแฟชั่นสู่ตัวตนของแบบแมนแบบหนุ่มมองที่ไม่เหมือนใคร ศิลปินระดับโลกคนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นในโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและการวิ่งตามความสำเร็จ การหาความสุขไม่จำเป็นต้องกระเสือกกระสนไป แต่คือการทำตามหัวใจและเลือกใช้ชีวิตในแบบตัวเองการเดินทางของแบมแบมในวงการบันเทิงไม่เพียงแค่เรื่องของงานเพลง
หากยังสะท้อนถึงการเติบโตในทุกด้าน ทั้งแง่อาชีพและการใช้ชีวิตที่แท้จริงในสไตล์เรียบง่ายเต็มไปด้วยความสบายใจ
เขาเปรียบเทียบการใช้ชีวิตของตัวเองเหมือน ‘บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป’ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ




Harper’s BAZAAR: คลิปที่แบมแบมเคยมาไทยและไปจ่ายตลาดกับคุณแม่ ได้แสดงให้เห็นแง่มุมของแบมแบมในชีวิตประจำวันที่เรียบง่าย และได้รับการชื่นชมจากแฟนคลับทั่วโลก แบมแบมมีวิธีมองและนิยามการใช้ชีวิตในสไตล์ตัวเองอย่างไร?
BamBam: ล่าสุดที่ไปพัทยา ผมก็ใส่รองเท้าแตะแบบหนีบไปร้านนวดครับ เป็นร้านนวดที่อยู่ในซอยหรือในปั๊มน้ำมัน จริงๆ คนรอบข้างผมจะเตรียมหลายๆ อย่างให้ อาจจะหรูหราอลังการมาก แต่ว่าจริงๆ ผมก็มีฟิลอยากออกมาสูดอากาศดูท้องฟ้า แต่งตัวสบายๆ เดินเที่ยวบ้าง ผมตีความไลฟ์สไตล์ชีวิตตัวเองว่าเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแล้วกันครับ เพราะว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามารถหยิบไปทำคู่กับอาหารหลายๆ อย่างได้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มกับไข่ใส่ซีฟู้ด ทั้งหมดก็จะกลายเป็น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีราคา แต่ถ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้มเฉยๆ ก็จะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่เรารู้สึกคุ้นเคย มีความเฟรนด์ลี่ สามารถจับต้องได้ หรือจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ปรุงหม้อใหญ่ๆ อลังการมาก ที่ขายกันแถวเยาวราชช่วงนี้ครับ ผมว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสามารถดัดแปลงได้เยอะ ซึ่งผมก็มองว่าน่าจะเหมือนไลฟ์สไตล์ผมครับ บางวันผมอาจจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอย่างเดียว แต่บางวันผมอาจจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เต็มไปด้วยเครื่องปรุง (ยิ้ม)
HBZ: ในโพสของแบมแบมที่แชร์บนอินสตาแกรมว่า ‘Don’t forget life is yours before it’s too late’ เป็นคำพูดที่สร้างพลังให้กับหลายคน ช่วยเล่าถึงแนวคิดหรือความหมายของประโยคนี้?
BamBam: จริงๆ ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมว่าช่วงนี้โลกวุ่นวาย หลายคนมุ่งแต่ทำงาน มีความคิดว่าต้องหาเงินให้ได้เยอะ ซึ่งจริงแล้วการทำงาน การหาเงิน การที่จะไปสู่เป้าหมายของเราอาจไม่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ครับ คือการที่มีไม่มาก มีน้อยหรือมีปานกลาง ก็สามารถมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ ที่เรามีอยู่แล้วได้ เราควรใช้ชีวิตก่อนที่จะตายไหมนะครับ ก็จะมีประโยคที่ผมใส่ในเพลง Take it easy ของอัลบั้มที่แล้ว จะเป็นภาษาเกาหลีมิกซ์กับภาษาอังกฤษครับ จะประมาณว่าทุกอย่างอาจไม่จำเป็นต้องเป็นผม บางทีไม่มีเรา โลกก็ยังสามารถหมุนได้ อีกเพลงชื่อว่า Ball like that ในอัลบั้มล่าสุด ก็จะมีประโยคว่า I don’t wanna work like this. I just wanna ball like that. Everybody tryna make money. I’m just tryna give it all back. ไม่อยากจะใช้ชีวิตหรือว่าทำงานแบบนี้ตลอด บางทีอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง ทุกคนยุ่งที่จะหาเงิน แต่ว่าผมไม่ได้อยากหาเงินตลอดเวลา ผมอยากแบ่งปันหรือส่งคืนสิ่งที่ได้รับมาให้กับคนรอบข้างผม หรือไปใช้เพื่อความสุข หรือใช้ในเรื่องที่ผมจำเป็นครับ งานเพลงส่วนใหญ่ของผมมาจากจินตนาการครับ บางทีอาจมาจากดูหนังบ้าง หรือเป็นเพลงของคนอื่นที่ในเนื้อเพลงมีประโยคหนึ่งที่ผมชอบ ผมก็จะหยิบประโยคมาตีความเป็นอีกแมสเสจที่จะส่งต่อให้กับคนอื่นได้ ส่วนมากก็จะมาจากชีวิตส่วนตัวเหมือนกันครับ ตั้งแต่เริ่มโซโล่มาถึงตอนนี้ ผมมีส่วนร่วมทุกเพลงครับ ทำเองเขียนเอง และกับทีมด้วย





HBZ: คำว่าประสบความสำเร็จของแบมแบม จนถึงความฝันหรือโปรเจกต์ใหม่ที่อยากทำ?
BamBam: คือการที่ได้รับการยอมรับจากหลายๆ คน ซึ่งตอนนี้ผมว่าผมก็ประสบความสำเร็จมาในระดับหนึ่งแล้ว หลายๆ เป้าหมายที่ผมตั้งไว้ตั้งแต่ตอนเดบิวต์ถึงตอนนี้ มีหลายเป้าหมายที่เป็นจริงแล้วครับ ในปัจจุบันผมก็มีเป้าหมายใหม่ๆ ที่ได้วางไว้ ถามว่าสำเร็จแล้วไหม ก็อาจจะใช่ครับ ซึ่งผมว่ายังมีอีกหลายอย่างที่เราสามารถทำให้สำเร็จได้ อาจไม่ใช่แค่เรื่องงาน อาจเป็นอีกหลายๆ เรื่องในชีวิตผมก็ได้ครับ สำหรับโปรเจกต์ใหม่กำลังเตรียมตัวอยู่ แต่ยังบอกไม่ได้ครับ (ยิ้ม) ถ้าไม่ใช่งานดนตรี ผมอยากเจอหมูเด้งครับ ยังไม่เคยเจอสักรอบ ผมรู้สึกว่าต้องรีบไปเจอน้องก่อนที่เขาจะตัวใหญ่ แล้วก็ภายในปี 2025 Bucket List หนึ่งอย่างที่ผมอยากทำจริงๆ คือ อยากลองไปเที่ยวคนเดียวครับ แบบที่ไม่มีผู้จัดการ ไม่มีคนรอบข้าง แบ็คแพ็คทราเวลสักรอบหนึ่ง ตั้งแต่เด็กๆ อยากไปฮาวายครับ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยได้ไป จึงอยากไปฮาวายที่สุด แล้วก็นิวซีแลนด์ หรือแอฟริกาก็น่าไปดีครับ
HBZ: ตั้งแต่เดบิวต์จนถึงปัจจุบันรู้สึกว่าเติบโตในด้านไหนบ้าง?
BamBam: เกือบทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็นสกิลเรื่องความเป็นอยู่ การใช้ชีวิตส่วนตัว ด้านงานเพลงในมิติต่างๆ แล้วก็เรื่องภาษา การวางตัว การดูแลทรัพย์สินประมาณนี้ครับ ในอนาคตที่อยากเรียนเพิ่มเติมน่าจะเป็นการลงทุน บิสซิเนส ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ชอบนะครับ แต่ถ้าเราจะอยู่อย่างมั่นคง ต้องทำเป็นครับ ถ้าต้องทำธุรกิจ น่าจะเลือกขุดเจาะหาน้ำมันดีไหม จะได้สบายๆ หน่อย (หัวเราะ) ตั้งแต่ตอนที่ผมเดบิวต์จนถึงตอนนี้ คนรอบข้างมีบทบาทในความสำเร็จของผม มีส่วนที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้ แม้คนรอบข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา ตามสถานการณ์ คนรอบข้างผมมีส่วนที่ทำให้ผมสามารถที่จะมองคนได้ว่า ใครที่จะร่วมงานกับผมได้ดี และใครที่อาจจะร่วมงานไม่ได้ ผมว่าประโยคนี้สำคัญ คุณเต็มใจจริงๆ คุณจะได้ใจกลับครับ แต่ถ้าคุณไม่ได้เต็มใจมากก็… (ทำท่าบ๊ายบาย)






HBZ: ความประทับใจของโชว์ Louis Vuitton คอลเลกชั่น Spring-Summer 2025 ซึ่งจัดงานที่ Maison de l’UNESCO ความอิมเเพคของบรรยากาศในตอนนั้นรู้สึกอย่างไร และมีไอเท็มชิ้นไหนที่ชอบเป็นพิเศษ?
BamBam: โชว์ออกเป็นแนว World wide นิดนึง ชุดจะมาในโทนสีดำ สีน้ำตาล สีครีม แล้วก็สีขาวครับ ซึ่งดูก็รู้เลยว่าเขาสื่อถึงสีผิวของคนทั่วโลกครับ เพลงที่ใช้ก็เป็นแนวแอฟริกัน ซึ่งผมว่าคอนเซ็ปต์คือ ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน จะต่างกันยังไง สุดท้ายเราก็อยู่ในโลกเดียวกัน ซึ่งทัชผมนะครับ อย่างชีวิตส่วนตัวผมต้องไปทำงานประเทศโน้น ประเทศนี้ตลอดเวลา ต้องเจอคนหลายประเทศ เวลาผมทำเพลงกับฝั่งอเมริกาจะเจอกับคนทุกเชื้อชาติ ซึ่งพอได้มานั่งคุยกันจริงๆ ไม่ว่าคนนี้จะเด็กกว่า โตกว่า หรือโตมาในครอบครัวที่ดี หรือโตมาในครอบครัวที่มีช่วงยากลำบากหน่อย แต่สุดท้ายทุกคนก็เหมือนกันหมดครับ เขาตื่นเช้ามาผมก็ยังงงว่าเขาก็ไปซื้อมาม่ากินเหมือนกันครับ สำหรับลุคที่ชอบก็มีแจ็กเก็ตสีเทาดำทรงที่คล้ายๆ ใส่ถ่ายงานในวันนี้ และชุดสูทกำมะหยี่ก็ชอบเหมือนกัน หลายลุคในคอลเลกชั่นนี้มีความฟอร์มัลมาก ซึ่งผมออกงานทางการบ่อยอยู่แล้วครับ ก็ว่าจะต้องมีไว้ประมาณ 5-6 ตัว (ยิ้ม)
HBZ: ในฐานะที่เป็นศิลปินระดับสากล เเบมเเบมมีโอกาสเดินทางไปหลายที่ทั่วโลก ซึ่งจิตวิญญาณของเเบรนด์ Louis Vuitton ก็เริ่มต้นจากเรื่องราวของการเดินทางเช่นกัน อะไรที่ทำให้ประทับใจและรู้สึกเชื่อมโยงกันระหว่างเเบมเเบม เเละ Louis Vuitton
BamBam: อย่างแรกคือ รู้สึกว่าแบรนด์ Louis Vuitton มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นทรังก์ หรือว่ากระเป๋า โลโก้ลายโมโนแกรม และอีกอย่างนึงที่ผมชอบก็คือ ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton แม้สไตล์จะเปลี่ยนไป อย่างล่าสุดพอได้ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ มาเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ฝั่งคอลเลกชั่นผู้ชาย สไตล์ก็เปลี่ยนไปเลย แต่ว่าก็ยังคงมีความเป็น Louis Vuitton อยู่ ผมว่า Louis Vuitton ก็เหมือนกับผมนะครับ ที่จะไปที่ไหนก็เข้าได้หมดเหมือนกัน และก็ยังคงความเป็นตัวเอง (ยิ้ม)
Story by Natkritta Gaysornmasmani