Wednesday, April 30, 2025
More

    Thameen London น้ำหอมนิชพาร์มฟูมจากลอนดอนที่สะท้อนเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและมรดกของอังกฤษ

    on

    - Advertisement -

    Thameen London เป็นแบรนด์น้ำหอมที่เกิดในลอนดอนในปี 2013 โดยบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและมรดกของอังกฤษ น้ำหอมทั้งหมดได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยความรักและความหลงใหลอย่างลึกซึ้งต่องานฝีมือน้ำหอมเฉพาะกลุ่มชั้นดีร่วมกับนักปรุงน้ำหอมที่มีชื่อเสียงระดับโลก น้ำหอมของเราเป็นผลจากความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเล่าเรื่องและการทำดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยส่วนผสมและวัสดุที่เราเลือก น้ำหอม Thameen สร้างสรรค์ขึ้นด้วยศิลปะที่น่าอิจฉา พื้นที่อันน่าจดจำ และอายุยืนยาวอย่างเข้มข้นโดยใช้ส่วนผสมที่ยั่งยืนที่สุด

    บาซาร์พาไปพูดคุยกับ David Crickmore ประธานกรรมการบริหารผู้มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในทุกด้าน ทุกเรื่องราวการเดินทางของแบรนด์ตลอดอายุเวลากว่า 10 ปี

    HB: คำถามแรกที่เราต้องการถามคือต้องการให้ผู้อ่านของเรารู้ว่าคุณคือใครและทำไมคุณถึงมาอยู่กรุงเทพฯ เล่าเกี่ยวกับตัวคุณหน่อย

    David: ผมมีประสบการณ์มาพอสมควร เช่นเดียวกับที่ผมบอกคุณ ผมเรียนกฎหมายที่มหาวิทยาลัยและเริ่มต้นอาชีพเป็นทนายความ ผมชอบศึกษากฎหมายแต่ไม่ชอบปฏิบัติ ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนมาทำงานที่ Selfridges ในลอนดอน งานแรกของผมคือการกวาดพื้นและทำความสะอาด เป็นไงล่ะทนายความลาออกมาเป็นคนทำความสะอาด แต่ตอนนั้นผมมีแผน ผมต้องการเข้าไปอยู่ในธุรกิจสินค้า luxury และเติบโตขึ้นในสายอาชีพใหม่

    การเริ่มต้นจากข้างล่างที่สุดคือวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพใหม่ ต่อมาผมได้ทำงานที่ Harvey Nichols มีลูกค้าชื่อดังมากมาย เช่น เจ้าหญิงไดอาน่า Ginger Rogers, Joan Collins และดาราบุคคลสำคัญจากวงการต่างๆ ผมเลยกลายไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดซื้อสินค้าจำพวก หนัง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเดินทาง สินค้าหนังเล็กๆ น้อยๆ และกระเป๋ามือ ต่อมาผมก็เป็นผู้จัดซื้อสินค้าแฟชั่นชาย ที่นี่ทำให้ผมเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับสินค้า luxury สมัยก่อนมีดีไซเนอร์อายุวัยกลางคนคนนึงที่ออกแบบเสื้อเชิ้ตสวยๆ สำหรับ Baguta กางเกงสวยๆ สำหรับ Hilton, สูทสวยๆ สำหรับ Basile และแจ็คเก็ตหนังสวยๆ สำหรับ Kos และดีไซเนอร์คนนั้นคือ Giorgio Armani

    เราได้ยินว่าเขากำลังจะผลิตคอลเลกชันใหม่ เราก็เลยบินไปประเทศโปแลนด์เพื่อไปเจอ Giorgio Armani ให้ได้แล้วก็ไปเซ็นสัญญาสิทธิพิเศษสองปีกับเขาเพื่อทำคอลเลกชั่น Black Label แรกที่ Harvey Nichols เราเลยมีสิทธิเฉพาะในการขายเสื้อผ้าชายของ Giorgio Armani เป็นเวลาสองปี เมื่อประมาณสี่ปีที่แล้ว ผมอยู่ในห้องรับรองชั้นหนึ่งที่สนามบิน Muscat และใครเล่าที่จะนั่งอยู่ที่นั่นถ้าไม่ใช่ Giorgio Armaniผมจึงเดินไปหาเขาและพูดว่า “คุณอาร์มานี ยินดีที่ได้พบคุณมาก” เขาตอบว่า “ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน” และผมบอกว่า “คุณคงไม่จำผมได้หรอก แต่ผมเคยเป็นผู้ซื้อคนแรกของคุณที่ประเทศอังกฤษ เรามีสิทธิ์พิเศษสองปี” เขาบอกว่า “Harvey Nichols” ผมตอบ “ใช่ ถูกต้องเลย”

    ต่อมาผมได้ทำงานกับแบรนด์หรูหลายแบรนด์ ทำงานให้คำปรึกษาในการสร้างแบรนด์สำหรับห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่น อเมริกา และอังกฤษ ในช่วงท้ายอาชีพของผม ผมบริหาร Duchamp ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อเชิ้ตและเนคไทหรูในประเทศอังกฤษ จากนั้นผมก็ไปบริหาร Oswald Boateng

    Oswald Boateng เป็นช่างตัดเสื้อผู้มีชื่อเสียงบนถนน Savile Row ที่ประเทศอังกฤษ ก็นับเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ luxury แต่ตลอดระยะเวลานั้น สิ่งที่ทำให้ผมโดดเด่นคือไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือธุรกิจอะไรที่ดูเหมือนจะเฟล หรือ หลงๆ งงๆ ก็ไม่ต้องห่วงเพราะผมจะเข้ามาและช่วยพัฒนาให้พวกเขาดีขึ้นมาได้เอง
    ผมก็เลยกลายเป็นคนที่รู้จักในเรื่องนั้นไปเลย หลังจากนั้นก็มีคนจ้างไปอยู่ Oman 15 ปี ผมก็บริหาร Amwash ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มเข้าสู่วงการน้ำหอม นั่นก็เมื่อ 20 ปีที่แล้ว แล้วตอนนั้น ผมกลับมาที่อังกฤษช่วงโควิด ผมก็เลยมีเวลาสองปี ทำงานให้คำปรึกษาบ้าง แต่โดยหลักๆเเล้วใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสร้างสวน 3 สวนที่บ้านที่ชนบทของผม ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ในการปลูกสวน และพวกมันเป็นสวนที่มี sensory เยอะ มันจะมีต้นไม้ใบหอมที่มีกลิ่นหอมแตกต่างกันอยู่ในนั้น

    HB: คุณเลยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นต่างๆเลยใช่มั้ย

    ใช่ ผมก็ชอบทำการตกแต่งภายใน ผมมีโรงนาจากยุค 1700 เป็นโรงนาที่เคยเก็บสัตว์และก็ปรับปรุงเป็นบ้าน เลยมีพื้นที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นผมเลยได้ซื้อของ antique วินเทจ อย่างบ้าคลั่งเพราะผมเป็นคนที่ maximalist ผมไม่ใช่คน minimal เเละจะเจาะจงซื้อของโบราณจากตะวันออก เเล้วก็จะมีของจากจีนก่อนยุค Mao ชิ้นส่วนจากศตวรรษที่ 18 ถึง 19 หากผมหาได้ของพวกนี้มันหาค่อนข้างหายาก เลยมีของแปลกหูแปลกตาอยู่เยอพ เเล้วก็มีบางชิ้นจากประเทศไทยด้วยนะ ผมมีของจากอินเดียด้วย ของทำจากไม้สักต่างๆนาๆ เพราะชอบงานฝีมือกของโบราณ ถ้าคุณไปที่ร้านขายเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบัน คุณอาจจ่ายเงินมากสำหรับสิ่งที่ในไม่กี่ปีอาจดูเก่าหรือพัง

    เอาตรงๆ ผมจ่ายเงินเท่ากันเวลาไปประมูลและซื้องานฝีมือเหล่านี้ที่มาจากศตวรรษที่ 17, 18, หรือ 19 สิ่งของเหล่านี้มันทนผ่านการทดสอบเวลา ไม่หักพังเเล้วก็ยังไงก็จะดูสวยงามไปตลอด บางครั้งเป็นงานแกะสลัก งานเหล็ก งานทาสี ภาพวาดญี่ปุ่น ปาโกด้า หมากรุกและสิ่งของต่างๆที่สวยงาม ชอบจริงๆ ผมชอบชมพวกสิ่งของเหล่านี้และคิดว่า ตายละ ช่างฝีมือคนไหนทำสิ่งนี้ขึ้นมา? ผมยังมีคอลเลกชัน งานปัก knit ด้วย คุณรู้จัก Net Ski ไหม? Kinnezuki Akiki เป็นของญี่ปุ่นสมัยก่อนเมื่อคนญี่ปุ่นจะใส่กิโมโน พวก obi พวกเขามีเข็มขัดแต่ผู้ชายใส่สิ่งที่เรียกว่า Net ski มันจะเป็นรูปปั้นหรือสัตว์แกะสลักจากงาช้างที่สวยงามหรือตัวละครในตำนานต่างๆ และมีขนาดประมาณนี้ มันเล็กมาก แต่การแกะสลักนั้นงดงามมาก

    HB: แปลว่าคุณเป็นคนที่สนใจรายละเอียดมากๆ ?

    ใช่ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญถ้าคุณอยู่ในวงการสินค้า luxury เเล้วคุณก็ต้องจับตาดูทุกรายละเอียดของสิ่งที่คนอื่นทำ ไม่ใช่แค่ไปที่ Louis Vuitton, Tom, Gucci, Prada, Miu Miu หรือใครก็ตาม แต่ต้องตั้งใจดูเเละใส่ใจในงานศิลปะ งานฝีมือ นิทรรศการ หนังสือ เพลง โอเปร่า หรืออะไรก็ตาม คิดว่าการพยายามมีมุมมองที่กว้างคือ luxury ปัจจุบันมันค่อนข้างยากที่จะนิยามความเป็น luxury สมัยก่อน luxury แปลว่าหายาก เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ทุกคนสามารถมีได้ แต่เมื่อคุณมองไปรอบๆ เดี๋ยวนี้ทุกห้างสรรพสินค้ามีหมดทุกร้านและทุกคนก็มีมันหมด หลายๆคนสามารถซื้อได้ ไม่ใช่ทุกคนนะ แต่หลายคนก็สามารถซื้อได้ ดังนั้น ความ luxury ก็ถูกลดค่าบ้างในบางแง่บางมุม ดังนั้นความ luxury มันคือความเข้าใจที่กว้างและครบถ้วนด้านคุณภาพ ปัจจุบันหลายๆ คนที่ซื้อสินค้า luxury อาจไม่มีความชื่นชมหรือความเข้าใจตรงนั้นก็ได้ ผมไม่ได้วิจารณ์พวกเขานะ แน่นอนเราอยากได้เงินของพวกเขา แต่คุณเข้าใจสิ่งที่ผมพูดใช่ไหม?

    HB: สินค้าหลักของคุณคืออะไร?

    ก่อนอื่นเลย คุณเห็นขวดสีแดงนั้นไหม? มันเป็นรุ่นจำกัดโดยเฉพาะสำหรับวันตรุษจีนและวันวาเลนไทน์ เป็นน้ำหอมที่มีอยู่ในขวดสีน้ำเงิน แต่เราผลิแค่ไม่กี่ขวดในขวดสีแดงและกล่องสีแดง เพราะเราคิดว่าคนอาจจะชอบมันสำหรับวันวาเลนไทน์หรือวันตรุษจีน เเน่นอนว่าน้ำหอมคือผลิตภัณฑ์หลักของเรา และผมคิดว่าผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ “ทิศทาง” ล่าสุดของแบรนด์ สามตัวนี้ในคอลเลกชัน Britalone เหตุผลที่เราเรียกมันว่า Britalone เพราะว่ามันไม่ใช่โคโลญจ์ แต่เราใช้โครงสร้างโคโลญจ์ เราเริ่มต้นด้วยโน้ตที่มีกลิ่นหอม top เปรี้ยวๆซิตรัส แต่ก็เพิ่มโน้ตกลางและโน้ตฐานที่มากกว่าการสร้างน้ำหอม แต่เป็นโครงสร้างโคโลญ ไม่มีใครอื่นทำเช่นนี้และเป็นเอกลักษณ์ของเราเอง ที่เราเรียกว่า elixir โคโลญจ์ เพราะมีความเข้มข้น 26% ปกติในโคโลญจ์ณจะได้รับความเข้มข้นประมาณ 10-12 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นมันเป็นน้ำหอมแต่มีฐานโคโลญจ์ เเบรนด์ของเราเป็นแบรนด์ที่ไม่บังคับให้คนของเพศใดเพศหนึ่งเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง

    “แคแรคเตอร์ของ Thameen แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร?” ทำไมมาตีตลาดไทย?

    นั่นเป็นคำถามที่น่าสนใจ เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะบอกผมว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตลาดไทยเลยและคุณก็จะพูดถูก แต่ผมได้ใช้เวลาสองวันที่ผ่านมาไปกับ retail เยอะมาก ผมได้สังเกตผู้บริโภค และทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ผมทำแบบนี้ และผมมาที่นี่มานานแล้ว สนใจมาตั้งเเต่ตอนเริ่ม Amouage 20 ปีที่แล้ว และเรามาตลาดไทย ตอนนั้นผมไม่รู้สึกว่ามันพร้อมสำหรับแบรนด์ niche ที่ค่อนข้างแรงในทางนั้น วันนี้มันเป็นโลกมันเปลี่ยนไปเเล้ว มันพร้อมแล้ว ผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด ถ้าคุณดูห้างสรรพสินค้าตอนนี้ ไม่มีอะไรเหล่านี้อยู่ที่นี่ เรามีเพียง Central ในสมัยนั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่นเลย และผมคิดว่านั่นพิสูจน์ว่าผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและพวกเขาพร้อมแล้ว

    คนถามว่าอะไรทำให้น้ำหอมของคุณแตกต่าง? และผมบอกว่าเราร้องเพลงของเราเอง ผมบอกคุณแล้วว่าเราเริ่มต้นจากศูนย์ เราไม่ได้คัดลอกจากคนอื่น หรือรับแรงบันดาลใจจากแบรนด์อื่น เราเพียงแค่ทำสิ่งของเราเองและหวังว่าคนจะชอบมัน คุณต้องจำไว้ว่า 10 ปีที่แล้ว หลายแบรนด์เหล่านี้เริ่มต้นมานานก่อนหน้านั้นและนานถึง 8 ปี มันไปอยู่ใน Selfridges ที่ลอนดอน หนึ่งร้านในโลกทั้งหมด พอโควิดระบาดเค้าก็เจ๊ง ผมไม่ได้วางสินค้ากับพวกเขาตอนนั้นนะ และหลังจากโควิดพวกเขาติดต่อผมและบอกว่า เขาต้องการนำแบรนด์ของเราไปสู่ผู้บริโภคระหว่างประเทศที่กว้างขึ้น เราก็เลยมาเลย ดังนั้นผมจึงเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อทำเช่นนั้น และตอนนี้มันกำลังไปได้ดีมาก ตอนนี้เราอยู่ใน Neiman Marcus หลายแห่ง ที่Sachs ในอเมริกา Bloomingdales ไม่กี่แห่ง

    ตอนนี้เราอยู่ใน Harbour Nichols, Harrods, Fortnum Mason และ Liberty ในลอนดอน อยู่ในร้านค้าที่ดีมากๆทั่วยุโรป เช่น El Conte Inglés ในสเปน Carter Bay ในเบอร์ลิน ท่าเรือหลักในฮอลแลนด์ เป็นร้านค้าดี ๆที่เราควรจะอยู่ ผมก็ดีใจ ตอนนี้อยู่ในตลาดมากกว่า 70 แห่งในช่วง 18 เดือนเท่านั้น ดังนั้นเราทำงานหนักมาก และคริสโตเฟอร์ก็ทำงานหนักเช่นกัน และผมหวังว่ามันจะได้ผลดี….